Web-Banner-HBD-land
Web-Banner-lan
PunthaixSingha-Matcha-Web-Banner-L
เริ่มวันใหม่กับกาแฟแก้วโปรดที่พันธุ์ไทย
Coffee1
กาแฟพันธุ์ไทย เข้ม เท่ จริงใจแบบไทยแท้ๆ
03_Banner_Video
00
/
00
เปิดโอกาสทางธุรกิจกับเรา
ก้าวแห่งโอกาสทางธุรกิจเพื่อเติบโตอย่างเข้มแข็งไปด้วยกันมาร่วมสร้างและขยายธุรกิจของคุณไปกับเรา
เมนูพันธุ์ไทย
กว่า 10 ปี ที่พันธุ์ไทยตั้งใจดูแลป่าพัฒนาชุมชน และส่งเสริมเกษตรกรท้องถิ่น
Cover_Video_sustainable
เพราะพันธุ์ไทยเป็นแบรนด์แรกของไทย ที่เลือกใช้วัสดุธรรมชาติทั้งหมดในการผลิตกาแฟ แคปซูล
เพราะพันธุ์ไทยเป็นแบรนด์แรกของไทย ที่เลือกใช้วัสดุธรรมชาติทั้งหมดในการผลิตกาแฟ แคปซูล ทำให้สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ 100% หรือที่เรียกว่า Home Compostable ใส่ใจสิ่งแวดล้อมไม่ทิ้งขยะให้โลก และสร้างคุณค่าให้กับสังคมที่ยั่งยืน   โดยตัวฝาแคปซูลผลิตจากเยื่อกระดาษธรรมชาติ ไม่มีส่วนประกอบของพลาสติก และ อะลูมิเนียม ที่ได้การรับรองจากประเทศเยอรมนี ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติย่อย สลายได้ทางชีวภาพ DIN CERTCO สามารถทิ้งในถังขยะเศษอาหารและนำไปทำปุ๋ย หมักได้ โดยไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์ในดิน ส่วนตัวแคปซูลได้ผลิตจากวัสดุธรรมชาติอย่าง เส้นใยพืชและแป้ง ซึ่งสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ซึ่งนอกจากผู้บริโภคจะได้ ดื่มด่ำกับกาแฟรสชาติพรีเมียมง่ายๆ ได้ที่บ้านแล้ว ยังช่วยลดขยะ ลดการสร้างมลพิษ ลดวิกฤตภาวะโลกร้อน และไม่ทำร้ายโลกในระยะยาว.. ดีต่อใจและดีต่อโลกขนาดนี้จะ พลาดหาซื้อกาแคปซูลพันธุ์ไทยไปดื่มที่บ้านไม่ได้เด็ดขาด โดยกาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย ดาร์ ก โรสต์ ราคากล่องละ 200 บาท/10 แคปซูล และกาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย นัตตี้ เบลนด์ กับกาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย ฟรุตตี้ เบลนด์ ราคาเพียงกล่องละ 220 บาท/10 แคปซูล เท่านั้น
อ่านต่อ
”พันธุ์ไทย“ ร้านกาแฟที่โอบกอดธรรมชาติ
อย่าเพิ่งแปลกใจ.. นี่ไม่ใช่คาเฟ่เปิดใหม่ท่ามกลางธรรมชาติที่ไหน แต่คือ “แนวคิดของร้านกาแฟรักษ์โลก“ ที่ชื่อ “พันธุ์ไทย” วันนี้อยากแนะนำทุกคนให้รู้จักเรามากขึ้น เพราะเราตั้งใจ เสิร์ฟกาแฟทุกแก้วด้วยความใส่ใจตั้งแต่ต้นน้ำของอุตสาหกรรมการ ผลิตกาแฟนั้นก็คือธรรมชาติ และเกษตรกรไทย   ด้วยความใส่ใจในธรรมชาติจึงเป็นที่มาของการเสิร์ฟกาแฟตามแนวคิด GenZer0 แนวคิดของคนเจนใหม่ที่ไม่ได้แบ่งกันด้วยอายุ เพศ หรือแหล่งที่อยู่ แต่คือทุกคนที่ห่วงใย ธรรมชาติเหมือนกับเรา และพร้อมที่จะดูแลธรรมชาติมาโดยตลอดจนถึง ทุกวันนี้ วันที่เราทำให้การทำลายธรรมชาติกลายเป็นศูนย์ อย่างการ ผลิตกาแฟแคปซูลที่รองรับความสะดวกสบายของผู้ดื่มกาแฟที่บ้าน โดยตัวแคปซูลสามารถย่อยสลายได้ 100% ไม่เหลือขยะทิ้งไว้ และไม่ใช้ พลังงานในการกำจัดขยะ   นอกจากการเสิร์ฟแนวคิดเพื่อธรรมชาติแล้ว เรายังเสิร์ฟทุกแก้วเพื่อ สร้างความยั่งยืนให้กับเกษตรกรไทยด้วยการเลือกใช้เมล็ดกาแฟไทยส่ง เสริมอาชีพเกษตรกร และรับซื้อเมล็ดกาแฟด้วยราคาที่เป็นธรรมมาโดย ตลอด นอกจากนั้นเรายังร่วมมือกันเพื่อพัฒนาพื้นที่ป่าและภูเขาให้ กลายเป็นไร่กาแฟที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้เรามีเมล็ดกาแฟที่ดีมีคุณภาพ พร้อมเสิร์ฟให้กับลูกค้าทุกคนที่ชอบดื่มกาแฟในทุกๆ วัน
อ่านต่อ
ให้คุณได้ดื่มด่ำกาแฟอาราบิก้าแท้100% จากพันธุ์ไทย
“กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย” จากเมล็ดกาแฟอาราบิก้าแท้ 100% ผ่านการบ่ม คั่ว ให้ได้รสชาติและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของพันธุ์ไทย เพื่อให้ทุกคนได้ดื่มด่ำกับกาแฟพรีเมียมง่ายๆ ได้ทุกที่ ทุกเวลา ในราคาเริ่มต้นเพียงแคปซูลละ 20 บาท กับ 3 รสชาติที่อร่อยแตกต่างอย่างลงตัว   กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย ดาร์ก โรสต์ (Punthai Coffee Capsule - Dark Roasted) กาแฟคั่วเข้ม สายพันธุ์อาราบิก้าไทย 100% แบบ Washed Process เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบรสชาติและบอดี้เข้ม เทสโน้ตโทนดาร์กช็อกโกแลต เจือความหวานของน้ำผึ้งปลายๆ มี Aftertaste ที่ยาวนาน ได้ความรู้สึกสะอาดของรสชาติกาแฟ เหมาะกับทุกเมนู ทั้งร้อนและเย็น ราคากล่องละ 200 บาท   กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย นัตตี้ เบลนด์ (Punthai Coffee Capsule - Nutty Blend) กาแฟคั่วกลางไปทางเข้ม จากเมล็ดอาราบิก้าไทยแบบ Washed Process เบลนด์ด้วย อาราบิก้าบราซิล แบบ Natural Process และฮอนดูรัส เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบบอดี้ปานกลาง เข้มข้นและขมน้อย กลิ่นและรสชาติออกแนวดาร์คโกโก้ มีความหอมของช็อกโกแลต ปนอัลมอนด์ ฟีลวนิลาและบัตเตอร์สก๊อต เหมาะกับเมนูใส่นม หรือจะดื่มแบบไลท์ๆ ก็กลมกล่อม ราคากล่องละ 220 บาท   กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย ฟรุตตี้ เบลนด์ (Punthai Coffee Capsule - Fruity Blend) กาแฟคั่วระดับอ่อนค่อนไปทางกลาง เมล็ดกาแฟไทย เบลนด์ด้วยกาแฟอาราบิก้าจากโคลัมเบีย และเอธิโอเปีย แบบ Natural Process ให้ความสว่างของกาแฟแบบ Bright Acidity ได้ความเปรี้ยวสดชื่นของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ลูกพรุน พีช ออกหวานปลายๆ มีความเป็น Floral อยู่ใน Aftertaste เหมาะกับเมนูกาแฟดำ ราคากล่องละ 220 บาท    แบรนด์แรกของไทย! “กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย” แบบ Home Compostable ที่ไม่ใช่แค่รสชาติอร่อย แต่ทุกชิ้นของแคปซูลและแพคเกจจิ้งยังผลิตจากวัสดุธรรมชาติ สามารถย่อยสลายกลับคืนสู่ธรรมชาติได้ 100% โดยตัวแคปซูลผลิตจากเซลลูโลสจำพวกเส้นใยพืช ฝาแคปซูลผลิตจากเยื่อกระดาษ นอกจากนี้ตัวกล่องบรรจุภัณฑ์ ยังทำจากกระดาษรีไซเคิล 100% พิมพ์ด้วยหมึก Soy Ink เรียกได้ว่า ทุกองค์ประกอบสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมแม้แต่ชิ้นเดียว   “กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย” ได้รับการรับรองว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติย่อยสลายได้ทางชีวภาพ DIN CERTCO จากประเทศเยอรมนี สามารถทิ้งในถังขยะประเภทเศษอาหารได้ นำไปทำปุ๋ยหมักไว้ใช้ในครัวเรือนได้ แม้กระทั่งทิ้งในสวนหลังบ้านก็ไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์ในดิน ไส้เดือนสามารถรับประทานได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อพันธุกรรม สามารถย่อยสลายทางชีวภาพได้ภายใน 3 เดือน ด้วยอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 50 องศาเซลเซียส และปัจจัยด้านความชื้น ออกซิเจน รวมถึงจุลินทรีย์ที่เหมาะสม ซึ่งสามารถช่วยลดขั้นตอนและพลังงานในการกำจัดขยะ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
อ่านต่อ
จะดีแค่ไหนถ้าเราดื่มด่ำกาแฟคุณภาพจากธรรมชาติที่บ้านของตัวเองได้
จะดีแค่ไหนถ้าเราดื่มด่ำกาแฟคุณภาพจากธรรมชาติที่บ้านของตัวเองได้ ด้วยราคาและความสะดวกสบายที่คุณสามารถดื่มได้ทุกวัน เริ่มต้นง่ายๆ แคปซูลละ 20 บาท   “เครื่องกาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย” มีให้เลือกถึง 2 สี Black หรือ Rose Gold เพียงเครื่องละ 2,999 บาท ซื้อวันนี้ รับฟรี “กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย” Dark Roasted ฟรี 1 กล่อง มูลค่า 200 บาท โปรโมชั่นตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. 67 – 15 ก.ค. 67 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด   “กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย” มี 3 รสชาติให้เลือก บรรจุกล่องละ 10 แคปซูล เริ่มต้นเพียงกล่องละ 200-220 บาท ซื้อวันนี้ รสชาติใดก็ได้ 4 กล่อง รับฟรี อีก 1 กล่อง มูลค่า 200-220 บาท โปรโมชั่นตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. 67 – 15 ก.ค. 67 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด   Dark Roasted - กาแฟคั่วเข้ม จากเมล็ดกาแฟอาราบิก้าไทย 100% แบบ Washed Process มีบอดี้เข้ม เทสโน้ตโทนดาร์กช็อกโกแลต เจือความหวานของน้ำผึ้งปลายๆ   Nutty Blend - กาแฟคั่วกลาง อาราบิก้าไทย เบลนด์ด้วยอาราบิก้าจากบราซิลและฮอนดูรัส มีบอดี้ปานกลาง กลิ่นและรสชาติออกแนวดาร์คโกโก้ มีความหอมของช็อกโกแลต ปนอัลมอนด์บางๆ   Fruity Blend - กาแฟคั่วอ่อน จากเมล็ดกาแฟไทย เบลนด์ด้วยอาราบิก้าจากโคลัมเบีย และเอธิโอเปีย แบบ Natural Process ให้ความเปรี้ยวสดชื่นของผลไม้ตระกูลเบอร์รี ออกหวานเบาๆ มีความเป็น Floral อยู่ใน Aftertaste   โปรโมชั่นแบบนี้จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด กับโอกาสที่จะได้ดื่มกาแฟแคปซูลจากสายพันธุ์อาราบิก้าแท้ 100% พร้อมคัดเลือกเมล็ดกาแฟพิเศษจากแหล่งเพาะปลูกที่มีคุณภาพ ให้คุณพร้อมดื่มได้ทุกวันครบทั้ง 3 รสชาติ ที่เข้มข้น กลมกล่อม และหอมกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละรสชาติ หาซื้อได้แล้ววันนี้ที่คาเฟ่พันธุ์ไทยทุกสาขา   “กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย” ได้รับการรับรองว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติย่อยสลายได้ทางชีวภาพ DIN CERTCO จากประเทศเยอรมนี สามารถทิ้งในถังขยะประเภทเศษอาหารได้ นำไปทำปุ๋ยหมักไว้ใช้ในครัวเรือนได้ แม้กระทั่งทิ้งในสวนหลังบ้านก็ไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์ในดิน ไส้เดือนสามารถรับประทานได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อพันธุกรรม สามารถย่อยสลายทางชีวภาพได้ภายใน 3 เดือน ด้วยอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 50 องศาเซลเซียส และปัจจัยด้านความชื้น ออกซิเจน รวมถึงจุลินทรีย์ที่เหมาะสม ซึ่งสามารถช่วยลดขั้นตอนและพลังงานในการกำจัดขยะ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
อ่านต่อ
กาแฟพันธุ์ไทย เปิดตัว Home Compostable Coffee Capsule แบรนด์แรกของไทย
กาแฟพันธุ์ไทย เปิดตัว Home Compostable Coffee Capsule แบรนด์แรกของไทย ที่ไม่ใช่แค่อร่อย แต่ยังย่อยสลายได้ทุกชิ้นส่วน 100%        กาแฟพันธุ์ไทยตอกย้ำความมุ่งมั่นยกระดับ Ecosystem อุตสาหกรรมกาแฟ สานต่อกลยุทธ์ Everywhere Everyone นำเดต้ามาวิเคราะห์เพื่อเสิร์ฟสินค้าและบริการที่ตรงใจ เข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกเจนเนอเรชัน ในทุกช่องทาง พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่แตกต่างจากคู่แข่ง พร้อมรุกตลาดกาแฟพรีเมียมและกาแฟในบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยต่อยอดความสำเร็จจากคอลเลคชัน 9 กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย เมื่อปลายปีที่ผ่านมา สู่การเปิดตัว “กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย” ในรูปแบบ Home Compostable เป็นแบรนด์แรกของไทย ที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติทุกชิ้นส่วน สามารถย่อยสลายได้ 100% โดยยังคงเอกลักษณ์รสชาติ และเทสโน้ตของเมล็ดกาแฟพิเศษสไตล์พันธุ์ไทย ในราคาคุ้มค่า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบความสะดวกสบาย และเลือกใช้สินค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม พร้อมสร้างคุณค่าให้กับสังคมอย่างยั่งยืน        คุณสุขวสา ภูชัชวนิชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด กล่าวว่า “วัฒนธรรมการดื่มกาแฟกลายเป็นไลฟ์สไตล์ที่อยู่ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค โดยเฉพาะในปัจจุบันที่กาแฟโลกเข้าสู่ยุคคลื่นลูกที่สาม (3rd Wave Coffee) ที่ผู้บริโภคมีความรู้ความเข้าใจและให้ความสำคัญกับคุณภาพของเมล็ดกาแฟพิเศษ หรือ Specialty Coffee ตั้งแต่ต้นน้ำ พื้นที่เพาะปลูก สายพันธุ์กาแฟ กระบวนการเก็บเกี่ยว การคั่วกาแฟ รวมไปถึงคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ซึ่งกาแฟพันธุ์ไทยได้มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ควบคู่กับการสนับสนุนชุมชน และดูแลสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ซึ่งการสร้างสรรค์ “กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย” ในครั้งนี้ นอกจากผู้บริโภคจะได้ดื่มด่ำกาแฟพิเศษรสชาติพรีเมียมได้ง่ายๆ ที่บ้านหรือที่ทำงานแล้ว ยังมีส่วนช่วยลดขยะ ลดการสร้างมลพิษ อันเป็นสาเหตุของวิกฤตภาวะโลกร้อน เพราะทุกองค์ประกอบของกาแฟแคปซูลและแพคเกจจิ้ง สามารถย่อยสลายได้ทุกชิ้น ปลอดภัยต่อทุกชีวิต ไม่ทำร้ายโลกในระยะยาว”        กาแฟพันธุ์ไทย เป็นแบรนด์แรกของไทย ที่เลือกใช้วัสดุธรรมชาติทั้งหมด ในการผลิตกาแฟแคปซูล หรือที่เรียกกันว่า Home Compostable สามารถสลายตัวได้ทางชีวภาพ 100% โดยตัวแคปซูลผลิตจากเซลลูโลส เส้นใยพืช แป้ง ส่วนฝาแคปซูลผลิตจากเยื่อกระดาษธรรมชาติ โดยไม่มีส่วนประกอบของพลาสติกและอะลูมิเนียม ได้รับการรับรองว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติย่อยสลายได้ทางชีวภาพ DIN CERTCO จากประเทศเยอรมนี สามารถทิ้งในถังขยะประเภทเศษอาหารได้ นำไปทำปุ๋ยหมักไว้ใช้ในครัวเรือนได้ แม้กระทั่งทิ้งในสวนหลังบ้านก็ไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์ในดิน ไส้เดือนสามารถรับประทานได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อพันธุกรรม สามารถย่อยสลายทางชีวภาพได้ภายใน 3 เดือน ด้วยอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 50 องศาเซลเซียส และปัจจัยด้านความชื้น ออกซิเจน รวมถึงจุลินทรีย์ที่เหมาะสม ซึ่งสามารถช่วยลดขั้นตอนและพลังงานในการกำจัดขยะ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ตัวกล่องบรรจุภัณฑ์ของกาแฟแคปซูลพันธุ์ไทยยังผลิตจากกระดาษรีไซเดิล 100% ใช้หมึกพิมพ์น้ำมันถั่วเหลือง (Soy Ink) จากธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในการบ่งบอกรสชาติของสินค้า สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่เหลือเป็นขยะตกค้าง (Zero Waste) เรียกได้ว่า ทุกชิ้นส่วนผลิตจากธรรมชาติ และสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ โดยไม่ทิ้งภาะระไว้ให้โลกแม้แต่ชิ้นเดียว        กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย จากสายพันธุ์อาราบิก้าแท้ 100% ผ่านการคัดเลือกเมล็ดกาแฟพิเศษจากแหล่งเพาะปลูกที่มีคุณภาพ ผ่านการบ่ม การคั่ว จนได้รสชาติและกลิ่นหอมตามโพรไฟล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ กาแฟพันธุ์ไทย ให้คุณดื่มด่ำประสบการณ์สุดพรีเมียมอย่างสะดวกสบายได้ง่ายๆ คุ้มค่าคุ้มราคา เพียงแคปซูลละ 20-22 บาท โดยใน 1 กล่อง บรรจุกาแฟ 10 แคปซูล ปริมาณแคปซูลละ 5.5 กรัม มีทั้งหมด 3 Profiles 3 รสชาติ  3 ระดับการคั่ว ดังนี้   o กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย ดาร์ก โรสต์ (Punthai Coffee Capsule - Dark Roasted) กาแฟคั่วเข้ม สายพันธุ์อาราบิก้าไทย 100% แบบ Washed Process เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบรสชาติและบอดี้เข้ม เทสโน้ตโทนดาร์กช็อกโกแลต เจือความหวานของน้ำผึ้งปลายๆ มี Aftertaste ที่ยาวนาน ได้ความรู้สึกสะอาดของรสชาติกาแฟ เหมาะกับทุกเมนู ทั้งร้อนและเย็น ราคากล่องละ 200 บาท o กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย นัตตี้ เบลนด์ (Punthai Coffee Capsule - Nutty Blend) กาแฟคั่วกลางไปทางเข้ม อาราบิก้าไทย เบลนด์ด้วยกาแฟอาราบิก้าจากบราซิลและฮอนดูรัส เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบบอดี้ปานกลาง เข้มข้นและขมน้อย กลิ่นและรสชาติออกแนวดาร์คโกโก้ มีความหอมของช็อกโกแลต ปนอัลมอนด์ ฟีลวนิลาและบัตเตอร์สก๊อต เหมาะกับเมนูใส่นม หรือจะดื่มแบบไลท์ๆ ก็กลมกล่อม ราคากล่องละ 220 บาท o กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย ฟรุตตี้ เบลนด์ (Punthai Coffee Capsule - Fruity Blend) กาแฟคั่วระดับอ่อนค่อนไปทางกลาง เมล็ดกาแฟไทย เบลนด์ด้วยกาแฟอาราบิก้าจากโคลัมเบีย และเอธิโอเปีย แบบ Natural Process ให้ความสว่างของกาแฟแบบ Bright Acidity ได้ความเปรี้ยวสดชื่นของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ลูกพรุน พีช ออกหวานปลายๆ มีความเป็น Floral อยู่ใน Aftertaste เหมาะกับเมนูกาแฟดำ ราคากล่องละ 220 บาท        สำหรับผู้ที่สนใจแบบครบเซตขอแนะนำ เครื่องกาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย (Punthai Coffee Capsule Machine) ตอบโจทย์ทั้งความสะดวก สบาย ประหยัดเวลา ได้รสชาติเหมือนดื่มที่ร้าน ในราคาที่คุ้มค่า มีทั้งสีดำ และสีโรส โกลด์ ด้วยแรงดันน้ำ 19 บาร์ สามารถสกัดกาแฟได้ภายใน 1 นาที เลือกปริมาณน้ำได้ทั้ง 40 มิลลิลิตร และ 110 มิลลิลิตร ในราคาเครื่องละ 2,999 บาท โปรโมชั่นช่วงเปิดตัว ซื้อเครื่องกาแฟแคปซูล 1 เครื่อง รับฟรี กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย ดาร์กโรสต์ 1 กล่อง มูลค่า 200 บาท หรือผู้ที่มีเครื่องอยู่แล้ว สามารถรับสิทธิ์ซื้อกาแฟแคปซูลครบ 4 กล่อง รับฟรี กาแฟแคปซูลรสชาติใดก็ได้ 1 กล่อง ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2567 – 15 กรกฎาคม 2567 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด ที่ร้านกาแฟพันธุ์ไทยทุกสาขาที่ร่วมรายการทั่วประเทศ        "กาแฟพันธุ์ไทย มี Brand DNA ที่ชัดเจน ในการสนับสนุนชุมชนและเกษตรกรไทย ควบคู่การดูแลสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เช่น การจัดตั้งโครงการพัฒนาและส่งเสริมการปลูกกาแฟอะราบิก้าบนพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน เพื่อส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ในการปลูกกาแฟให้เกษตรกร ต.ปางหินฝน อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ โดยปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำไร่เลื่อนลอยมาเพิ่มพื้นที่ปลูกกาแฟ และเปลี่ยนเขาหัวโล้นให้เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ การใช้ไบโอพลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ มาพัฒนาเป็นแก้วเครื่องดื่มพันธุ์ไทยที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภคและโลกของเรา ความร่วมมือกับนักอนุรักษ์ธรรมชาติที่สร้างสรรค์กาแฟไปพร้อมๆ กับการปลูกป่า พร้อมสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ชุมชนให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงชีวิตที่ อยู่ดี มีสุข อย่างมั่นคง และขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตต่อไป” คุณสุขวสา กล่าวเสริม
อ่านต่อ
กินโจ๊กตอนเช้าดีไหม? บอก 5 ประโยชน์ของโจ๊ก อาหารเช้ายอดฮิต
กินโจ๊กตอนเช้าดีไหม? บอก 5 ประโยชน์ของโจ๊ก อาหารเช้ายอดฮิต   โจ๊กเป็นหนึ่งในเมนูอาหารเช้ายอดนิยมของคนไทยมาช้านาน เพราะทานง่าย ย่อยง่าย อิ่มท้อง และราคาไม่แพง หลายคนเลือกกินโจ๊กเป็นอาหารมื้อเช้าเพื่อคุณประโยชน์มากมายต่อร่างกาย แต่ก็มีอีกหลายคนสงสัยว่า กินโจ๊กตอนเช้าดีจริงหรือ และโจ๊กมีประโยชน์อะไรบ้าง วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบกัน พร้อมแนะนำร้านโจ๊กน่ากินในกรุงเทพฯ เพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับมื้อเช้าสุขภาพดีในแบบฉบับคนเมือง มาดูกันเลยว่ากินโจ๊กตอนเช้าดียังไง     5 ประโยชน์ของโจ๊ก เมนูโปรดมื้อเช้าของคนไทย   1. โจ๊ก อาหารย่อยง่าย เหมาะกับมื้อเช้า   เนื่องจากโจ๊กเป็นอาหารที่ผ่านการต้มจนเปื่อยนุ่ม และมีเนื้อสัมผัสละเอียด จึงทำให้ร่างกายย่อยได้ง่ายกว่าข้าวแข็งทั่วไป ระบบย่อยอาหารในตอนเช้าที่เพิ่งตื่นนอนใหม่ๆ ยังไม่พร้อมทำงานเต็มที่ การทานอาหารที่ย่อยง่ายอย่างโจ๊กจะช่วยไม่ให้ท้องอืด ท้องเฟ้อ และไม่เป็นภาระกับกระเพาะอาหารมากเกินไป   2. โจ๊ก มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน   โจ๊กอุดมไปด้วยสารอาหารที่ร่างกายต้องการ อาทิ คาร์โบไฮเดรตจากข้าว โปรตีนจากเนื้อสัตว์ ไขมันจากไข่ หรือน้ำมัน วิตามินและเกลือแร่จากผัก เครื่องปรุงต่างๆ รวมถึงสมุนไพรอย่างขิง ซึ่งมีสรรพคุณช่วยขับลม แก้ท้องอืด ย่อยอาหาร เมื่อทานเป็นมื้อเช้าก็จะได้สารอาหารที่เพียงพอ มีพลังงานให้ทำกิจกรรมยามเช้า ไม่ปวดท้อง เพลีย หรือหิวโหยระหว่างวัน   3. โจ๊ก ช่วยบำรุงระบบขับถ่าย   ข้าวในโจ๊กมีเส้นใยอาหารสูงถึง 1.8 กรัมต่อ 1 ทัพพี ซึ่งช่วยกระตุ้นการขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก และช่วยดูดซับสารพิษ ไขมันส่วนเกินในลำไส้ เมื่อระบบขับถ่ายทำงานได้ดีก็จะส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมของร่างกาย ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ การทานโจ๊กเป็นมื้อเช้าเป็นประจำจะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ   4. โจ๊ก ให้ความอิ่มท้องนาน ควบคุมน้ำหนักได้   โจ๊กมีส่วนผสมของข้าวเป็นหลัก ซึ่งให้พลังงานและความอิ่มท้องได้ยาวนาน ร่างกายจะค่อยๆย่อยและดูดซึมคาร์โบไฮเดรตอย่างช้าๆ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่หิวเร็ว เมื่อเทียบกับอาหารเช้าที่มีแป้งและน้ำตาลสูง ดังนั้นการทานโจ๊กตอนเช้าจึงช่วยให้อยู่ท้องได้นานขึ้น กินจุบจิบระหว่างวันน้อยลง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ลดความอ้วน   5. โจ๊ก ปรุงอร่อยได้หลากหลาย เข้ากับทุกวัย   หนึ่งในข้อดีของโจ๊กคือ สามารถปรุงแต่งได้หลากหลายตามความชอบส่วนบุคคล ทั้งโจ๊กหมู โจ๊กไก่ โจ๊กปลา โจ๊กเห็ด โจ๊กธัญพืช หรือจะเป็นโจ๊กเจก็อร่อยได้ไม่แพ้กัน ใส่ได้ทั้งไข่ ผัก เต้าหู้ ไส้กรอก ทอดมัน ตามใจชอบ เป็นเมนูที่ยืดหยุ่น จะทานแบบธรรมดาหรือจะจัดเต็มก็ได้ เหมาะกับทุกเพศทุกวัยตั้งแต่เด็กยันผู้สูงอายุ ซึ่งโจ๊กสูตรอ่อนๆก็เข้าปากง่ายดี     โจ๊ก 1 ชาม มีกี่แคลอรี่?   สำหรับใครที่กำลังควบคุมอาหารหรือลดน้ำหนัก อาจกังวลใจว่าโจ๊กตักใส่ชามใหญ่ๆแบบนี้ จะมีพลังงานสูงหรือมีแคลอรี่เยอะเกินไปหรือเปล่า จริงๆแล้วขึ้นอยู่กับส่วนประกอบของโจ๊กแต่ละชนิด แต่โดยทั่วไป โจ๊ก 1 ถ้วยขนาดปกติ (ประมาณ 1 ทัพพีข้าวสุก) จะให้พลังงานประมาณ 150-200 กิโลแคลอรี่ และมีคาร์โบไฮเดรต 25-30 กรัม ซึ่งถือว่าเป็นอาหารเช้าที่ให้พลังงานในระดับกลางๆ ไม่ต่ำหรือสูงเกินไป และยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย   วิธีการทานโจ๊กให้ได้ประโยชน์สูงสุด ควรเลือกทานโจ๊กที่ไม่มีไขมันหรือน้ำมันมากเกินไป เน้นเนื้อสัตว์ไขมันต่ำ ผักตามฤดูกาล เติมผักเพิ่มให้มาก ปรุงรสชาติตามความชอบแต่พอดี จะช่วยให้อิ่มท้องแต่ไม่อ้วน ลดความเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่างๆได้     5 ร้านโจ๊กน่าลองในกรุงเทพฯ   พูดถึงประโยชน์ของโจ๊กมาขนาดนี้ เชื่อว่าหลายคนคงอยากหาร้านโจ๊กอร่อยๆทานสักหน่อย เรามีร้านดังในกรุงเทพฯมาแนะนำ 5 ร้าน รับรองว่าจะต้องติดใจ และอยากกินโจ๊กเป็นมื้อเช้าบ่อยขึ้นแน่นอน   1. โจ๊กหม้อดิน เยาวราช   ร้านโจ๊กในตำนาน ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือการใช้หม้อดินในการหุงโจ๊ก ทำให้โจ๊กมีกลิ่นหอมนุ่มละมุนลิ้น เมนูเด็ดของร้านคือ โจ๊กหมูสับ ที่มีเครื่องเคียงสมบูรณ์แบบ ทั้งเต้าหู้ไข่ ไข่เยี่ยวม้า ตับหมู และผักสด รสชาติกลมกล่อม เข้มข้น ถูกปากคนไทย นอกจากนี้ยังมีโจ๊กอีกหลายเมนู ตั้งแต่โจ๊กธรรมดา โจ๊กหมู โจ๊กไก่ โจ๊กปลา และโจ๊กเนื้อ ในราคาย่อมเยาว์ เริ่มต้นที่ 45-85 บาท   2. โจ๊กสะพานควาย   ร้านโจ๊กชื่อดังย่านสะพานควาย ที่มีจุดเด่นคือใช้ข้าวหอมมะลิในการทำโจ๊ก จึงได้โจ๊กที่หอม นุ่ม ละลายในปาก เสริฟ์พร้อมเครื่องเคียงครบ ทั้งเนื้อสัตว์ ไข่ ผัก ทอดมัน และน้ำจิ้มรสเด็ด เมนูแนะนำคือ โจ๊กหมูสับไข่เค็ม ได้ทั้งรสหวานมัน เค็มกำลังดี อีกเมนูที่พลาดไม่ได้คือ ปาท่องโก๋สูตรโบราณขึ้นชื่อของทางร้าน กรอบนอกนุ่มใน กินกับโจ๊กแล้วเข้ากันสุดๆ ราคาเริ่มต้นที่ 35-65 บาท ถือว่าคุ้มค่าเงินทุกบาท   3. โจ๊กคุณยาย สุขุมวิท 103   หากมองหาโจ๊กรสชาติเข้มข้น แซ่บจัดจ้าน ต้องยกให้โจ๊กคุณยาย ที่ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องเคียงหลากหลาย เน้นใส่ไส้กรอกนานาชนิด เช่น หมูสับ ไส้กรอกไก่ ไส้กรอก ฯลฯ ผัดเข้ากับซอสรสชาติกลมกล่อม เผ็ดร้อนจัดจ้าน ทานคู่กับโจ๊กร้อนๆที่มีความข้นกำลังดี รวมถึงเมนูโจ๊กอี​​​​​​​​​​​​​​​​กหลายอย่าง ทั้งโจ๊กปลา โจ๊กปลาหมึก โจ๊กเป็ด และโจ๊กปูอัด ในราคาเริ่มต้นที่ 50-100 บาท บรรยากาศร้านเป็นกันเอง เหมาะกับการนั่งกินโจ๊กยามเช้าเบาๆ   4. เฮียฮ้อ โจ๊กหม้อดิน ตลาดพลู   ร้านโจ๊กหม้อดินชื่อดังอีกร้านในย่านตลาดพลู ที่เสิร์ฟโจ๊กเข้มข้น หอมกรุ่น พร้อมเครื่องเคียงจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น เต้าหู้ไข่ เนื้อสัตว์ ไส้กรอก ลูกชิ้น ไข่ต้ม และผักสด สามารถเลือกความเผ็ดได้ตามใจชอบ ตั้งแต่เผ็ดน้อย ไปจนถึงเผ็ดมาก รสชาติถูกปากแน่นอน ราคาก็ย่อมเยา เริ่มต้นที่ 35-60 บาท เหมาะกับการแวะมากินโจ๊กเช้าๆ ก่อนออกเดินทาง   5. โจ๊กอ้วน อโศก   ปิดท้ายด้วยร้านโจ๊กหรูในย่านอโศก ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ Food Truck น่ารัก พร้อมที่นั่งไม่กี่โต๊ะ เสิร์ฟโจ๊กสูตรต้นตำรับที่เข้มข้น รสชาติกลมกล่อม มีให้เลือกทั้งโจ๊กหมู โจ๊กไก่ และโจ๊กรวมมิตร ที่นอกจากโจ๊กแล้วยังมีหมูแผ่น เนื้ออบ ปลาหมึกย่าง เป็ดย่าง ให้เลือกเป็นท็อปปิ้งด้วย แถมน้ำจิ้มแจ่วรสแซ่บ ที่ทำให้โจ๊กมีรสชาติจัดจ้านขึ้นอีกระดับ ราคาเริ่มต้นที่ 60-150 บาท บรรยากาศดี บริการเป็นกันเอง เหมาะกับการพาเพื่อนๆไปกินมื้อเช้ามื้อใหญ่กัน     โจ๊ก อาหารเช้าสุขภาพดี มีประโยชน์เพียบ!   จากที่กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นว่าโจ๊กเป็นอาหารเช้าที่ดีต่อสุขภาพ เพราะมีประโยชน์มากมาย ทั้งช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน บำรุงระบบขับถ่าย ให้ความอิ่มท้องนาน ช่วยควบคุมน้ำหนักได้ แถมยังปรุงได้หลากหลายเข้ากับทุกวัย แคลอรี่ไม่สูงจนเกินไป การทานโจ๊กเป็นมื้อเช้าเป็นประจำจะช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง อารมณ์ดี มีพลังงานเต็มเปี่ยมพร้อมสำหรับวันใหม่   หากใครกำลังมองหาเมนูอาหารเช้าแบบไทยๆ ที่อร่อย สะดวก ราคาไม่แพง แถมมีประโยชน์ต่อร่างกายด้วยแล้วล่ะก็ การกินโจ๊กตอนเช้าเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะปรุงทานเองที่บ้าน หรือแวะไปหาซื้อโจ๊กร้อนๆกินที่ร้านก็ได้ประโยชน์เหมือนกัน ว่าแล้วก็อย่าลืมไปลองโจ๊กของพันธุ์ไทยที่ได้รับการปรุงมาให้ถูกปากคนไทยโดยเฉพาะ! ดูรายละเอียดอาหารเช้าได้ที่บล็อกของพันธุ์ไทย หรือสั่งออนไลน์ส่งบ้านได้ที่แอปเดลิเวอรี่ชั้นนำ ลองหันมากินโจ๊กตอนเช้าบ้างสักสัปดาห์ รับรองว่าร่างกายจะแข็งแรง สุขภาพจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะ!
อ่านต่อ
เปิดข้อดีของกาแฟแคปซูล สะดวก ง่าย ราคาไม่แพง
เปิดข้อดีของกาแฟแคปซูล สะดวก ง่าย ราคาไม่แพง   กาแฟแคปซูลกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่คอกาแฟยุคใหม่ เพราะมีข้อดีหลายประการที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในปัจจุบัน ทั้งความสะดวกรวดเร็ว ใช้งานง่าย รสชาติหลากหลาย และราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้ ทำให้ใครหลายคนหันมาใช้เครื่องชงกาแฟแคปซูลกันมากขึ้น แต่สำหรับใครที่ยังลังเลอยู่ว่าจะซื้อเครื่องชงกาแฟแคปซูลดีไหม วันนี้เรามีข้อดีมาบอกต่อกัน พร้อมแนะนำวิธีชงกาแฟแคปซูลและเลือกซื้ออย่างคุ้มค่าเงินในกระเป๋า มาดูกันเลยว่ากาแฟแคปซูลมีดีอย่างไรบ้าง     5 ข้อดีเด็ดๆ ของกาแฟแคปซูล เหตุผลที่คอกาแฟเลิฟ   1. สะดวก รวดเร็ว ได้กาแฟร้อนๆ ภายในไม่กี่นาที   ข้อดีอันดับหนึ่งของกาแฟแคปซูลคงหนีไม่พ้นความสะดวกรวดเร็ว เพราะเราสามารถชงกาแฟได้ด้วยตัวเองภายในเวลาไม่กี่นาที เพียงแค่ใส่แคปซูลลงในเครื่อง กดปุ่ม แล้วรอให้มันจัดการทุกอย่าง ก็ได้กาแฟร้อนๆ หอมกรุ่น โดยไม่ต้องออกไปเสียเวลานั่งรอคิวที่คาเฟ่ อยู่ที่ไหนก็ชงดื่มได้ทุกเวลาที่ต้องการ โดยไม่ต้องอาศัยบาริสต้ามืออาชีพ เหมาะกับคนยุคใหม่ที่ใช้ชีวิตเร่งรีบ แต่ก็ยังอยากดื่มด่ำกับกาแฟแก้วโปรดในทุกๆ วัน   2. ใช้งานง่าย สะอาด ไม่ต้องล้างทำความสะอาด   เครื่องชงกาแฟแคปซูลใช้งานง่ายมาก เพียงแค่เติมน้ำในช่องใส่ถังน้ำ ใส่แคปซูลกาแฟที่ต้องการลงในเครื่อง แล้วกดปุ่มชงก็เป็นอันเสร็จ ไม่มีเศษผงกาแฟหกเลอะเทอะให้ต้องเช็ดถูทำความสะอาด ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการปรุงแต่งด้วยตัวเอง แถมยังไม่มีแก้วและอุปกรณ์เยอะแยะให้ต้องล้างหลังชงเหมือนเครื่องแบบอื่นๆ เหมาะกับคนที่รักความสะอาด ชอบความเรียบง่ายและสะดวกรวดเร็ว มือใหม่หัดชงก็ทำได้อย่างสบายใจไร้กังวล   3. รสชาติหลากหลาย ให้คุณเลือกได้ตามใจชอบ   กาแฟแคปซูลมีให้เลือกหลายรสชาติ หลากหลายแบรนด์ ในราคาที่ย่อมเยา จะเป็นกาแฟดำสูตรเข้มข้น หวานกลมกล่อม หรือชนิดที่ผสมนมถึงใจแฟนๆ ลาเต้ ไปจนถึงชนิดปราศจากคาเฟอีนที่กินได้แม้ก่อนนอน ก็มีให้เลือกอย่างจุใจ ให้คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับรสชาติต่างๆ ได้ทุกวันไม่ซ้ำ ตามใจชอบ ต่างจากการซื้อเครื่องชงแบบเดิมที่ต้องใช้กับเมล็ดกาแฟอย่างเดียวตลอดเวลา   4. คุ้มค่า ราคาเมล็ดกาแฟต่อแก้วไม่แพง   หลายคนอาจกังวลว่ากาแฟแคปซูลจะมีต้นทุนที่แพงกว่ากาแฟทั่วไป แต่จริงๆ แล้วหากคิดราคาเฉลี่ยต่อแก้วก็ถือว่าคุ้มค่า ไม่แพงอย่างที่คิด เริ่มต้นอยู่ที่แคปซูลละ 20 - 40 บาท เท่านั้น บวกกับความสะดวกสบายและความรวดเร็ว จึงถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า เหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์ชอบซื้อกาแฟดื่มอยู่เป็นประจำหรือใช้เครื่องชงกาแฟทั่วไปอยู่แล้ว การดื่มกาแฟแคปซูลจึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มาก   5. มีให้เลือกหลายแบรนด์ทั้งรุ่นและราคา   ปัจจุบันมีกาแฟแคปซูลวางจำหน่ายหลากหลายแบรนด์ ทั้งจากแบรนด์กาแฟต่างประเทศเจ้าใหญ่ หรือแบรนด์ท้องถิ่น โดยแต่ละแบรนด์ก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ทั้งด้านแหล่งเพาะปลูก กระบวนการแปรรูป กรรมวิธีการคั่ว เพื่อดึงเอกลักษณ์ ความโดดเด่นของรสชาติกาแฟให้ชัดที่สุด รวมถึงราคาที่หลากหลาย ทำให้เราสามารถเลือกได้ตามความต้องการ และงบประมาณ แน่นอนสำหรับคอกาแฟคนไทยต้องกาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย จากเมล็ดกาแฟอาราบิก้าแท้ 100% ผ่านการบ่ม คั่ว ให้ได้รสชาติและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของพันธุ์ไทย เพื่อให้ทุกคนได้ดื่มด่ำกับกาแฟพรีเมียมง่ายๆ ในราคาเริ่มต้นเพียงแคปซูลละ 20 บาท กับ 3 รสชาติที่อร่อยแตกต่างอย่างลงตัวได้แก่     1. กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย ดาร์ก โรสต์ เป็นกาแฟคั่วระดับเข้ม ที่ใช้เมล็ดกาแฟอาราบิก้าไทยแท้ 100% ด้วยกระบวนการแปรรูปแบบ Washed Process เหมาะสำหรับคนที่ชอบกาแฟรสเข้มถึงใจ มีกลิ่นอายของดาร์กช็อกโกแลตและความหวานของน้ำผึ้งเล็กน้อย ทิ้ง After Taste ที่สะอาดหอมกรุ่นไว้ในปากได้ยาวนาน ลองได้ทั้งแบบร้อนและเย็น ในราคาเพียงกล่องละ 200 บาท     2. กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย นัตตี้ เบลนด์ เป็นการผสมผสานระหว่างเมล็ดอาราบิก้าไทยคั่วระดับกลางถึงเข้ม กับเมล็ดอาราบิก้าบราซิลและฮอนดูรัส ผ่านกระบวนการแบบ Washed Process ให้บอดี้ระดับกลาง รสเข้มกำลังดี ไม่ขมจนเกินไป มีกลิ่นหอมละมุนของโกโก้เข้ม ผสานกับกลิ่นช็อกโกแลต อัลมอนด์ วนิลา และบัตเตอร์สก๊อตช์ เข้ากันดีกับเมนูใส่นม เช่น ลาเต้ คาปูชิโน่ หอม กลมกล่อม อร่อยลงตัว ราคากล่องละ 220 บาท     3. กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย ฟรุตตี้ เบลนด์ เกิดจากการรวมกันของเมล็ดกาแฟไทย กับเมล็ดอาราบิก้าจากโคลอมเบียและเอธิโอเปีย คั่วในระดับอ่อนถึงกลาง ด้วยวิธีการแบบ Natural Process ได้กาแฟที่มีความสว่างแบบ Bright Acidity ได้ความเปรี้ยวสดชื่นของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ลูกพรุน พีช ตามด้วยความหวานเล็กน้อย มีความเป็น Floral อยู่ใน Aftertaste เหมาะอย่างยิ่งสำหรับดื่มแบบแบบกาแฟดำ ในราคากล่องละ 220 บาท​​​​​​​​​​​​​​​     กาแฟแคปซูล ยิ่งดื่มยิ่งหลงรัก!   จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นว่ากาแฟแคปซูลมีข้อดีหลายอย่างที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ ทั้งสะดวก รวดเร็ว ใช้งานง่าย หลากหลายรสชาติสไตล์ ราคาเป็นมิตร มีแบรนด์ให้เลือกเพียบ ไม่แปลกใจที่ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงเลิฟ หากใครที่กำลังมองหาเครื่องชงกาแฟไว้ใช้ที่บ้านหรือที่ทำงาน พันธุ์ไทยมีทางออกให้ทั้งเครื่องชงกาแฟและกาแฟแคปซูลไว้จัดจำหน่ายให้คอกาแฟทุกคน ที่รับรองว่าโดนใจทั้งรสชาติและดีไซน์แน่นอน แต่ก่อนจะเป็นเจ้าของ ก็ควรศึกษาวิธีใช้เครื่องชงกาแฟแคปซูลให้ดีด้วยนะ เพราะแต่ละแบรนด์อาจมีสเป็คและฟังก์ชั่นที่แตกต่างกันไป รวมถึงเลือกขนาดที่เหมาะกับการใช้งานและพื้นที่ในบ้าน เพื่อการใช้งานที่คุ้มค่าและถูกใจที่สุดนั่นเอง   ยิ่งดื่มยิ่งหลงรัก นั่นคือเสน่ห์ของกาแฟแคปซูล ที่พร้อมให้คุณเป็นบาริสต้ามืออาชีพได้ในไม่กี่นาที เชื่อว่าถ้าใครได้ลองใช้แล้ว จะเข้าใจว่าทำไมมันถึงครองใจคอกาแฟทั่วโลก ใครที่ยังไม่เคยลองก็อย่าช้า เพราะพันธุ์ไทยเองก็มีผลิตภัณฑ์กาแฟแคปซูลที่อร่อย หลากหลายรสชาติให้คุณเลือกถึง 3 แบบ จะซื้อมาใช้เองหรือซื้อเป็นของขวัญให้คนที่รักกาแฟก็เริ่ด เพราะกาแฟแคปซูลพันธุ์ไทยไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน!
อ่านต่อ
ดื่มกาแฟแคปซูลพันธุ์ไทยอย่างไรให้สนุกขึ้น ลองเลือกวงล้อกาแฟที่เป็นตัวคุณ
ดื่มกาแฟแคปซูลพันธุ์ไทยอย่างไรให้สนุกขึ้น ลองเลือกวงล้อกาแฟที่เป็นตัวคุณ   ปัจจุบันกาแฟแคปซูลได้รับความนิยมกันมากในเหล่าคอกาแฟ โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศหรือคนที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อกาแฟดื่ม เพราะแคปซูลกาแฟหนึ่งกล่อง ประกอบไปด้วยแคปซูลมากถึง 10 แคปซูลด้วยกัน แถมราคากล่องละไม่กี่ร้อยบาท ตกแคปซูลละ 20-22 บาท เท่านั้น อีกทั้งยังสามารถประหยัดเวลาในการชงกาแฟอีกด้วย เพียงแค่ใส่กาแฟแคปซูลลงไปในเครื่องชงกาแฟแคปซูล เราก็จะได้ดื่มกาแฟที่สดใหม่แล้ว อย่างกาแฟแคปซูลพันธุ์ไทยที่มีคุณภาพคับแก้ว รสชาติเข้มข้นเหมือนสั่งจากคาเฟ่อย่างไรอย่างนั้น แต่กาแฟแคปซูลนั้นมีหลากหลายรสชาติและกลิ่นให้เลือก เราจะรู้ได้อย่างไรว่าคั่วแบบไหน กลิ่นแบบไหนถึงเหมาะกับเรา วงล้อกาแฟนี่แหละจะสามารถบอกคุณได้ วันนี้พันธุ์ไทยจะมาชวนกันทำความรู้จักกับวงล้อกาแฟ เพื่อให้คุณสามารถเลือกกาแฟได้อย่างตรงใจ     วงล้อกาแฟ หรือ Coffee Taster's Flavor Wheel คืออะไร?   สำหรับนักชิมกาแฟ การดื่มด่ำรสชาติกาแฟนั้นเป็นเรื่องซับซ้อน แม้คุณอาจคิดว่าเป็นเพียงแค่การดื่มกาแฟแก้วโปรด แต่คุณอาจไม่สามารถบรรยายรสชาติที่ได้รับอย่างละเอียดเหมือนผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากพวกเขามีเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์และแยกแยะรสชาติต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ นั่นคือ "Coffee Taster's Flavor Wheel" หรือ “วงล้อกลิ่นกาแฟ”   วงล้อกาแฟสีสันสดใสนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อตกแต่งร้านกาแฟเท่านั้น แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คนในวงการกาแฟ ตั้งแต่ผู้ปลูก ผู้แปรรูป ผู้คั่ว และผู้ชงกาแฟ สามารถสื่อสารถึงรสชาติต่างๆ ที่พบในกาแฟได้อย่างชัดเจน   Coffee Taster's Flavor Wheel ถูกพัฒนาขึ้นโดย Specialty Coffee Association (SCA) ร่วมกับ World Coffee Research โดยอาศัยข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา เช่น นักชิมกาแฟมืออาชีพ นักวิทยาศาสตร์ ผู้ซื้อกาแฟ และบริษัทคั่วกาแฟ ถือเป็นผลงานวิจัยด้านรสชาติกาแฟที่ยิ่งใหญ่และมีความร่วมมือสูงสุด   วงล้อรสชาติกาแฟสามารถแทนค่ารสชาติออกมาเป็นเฉดสีได้มากถึง 110 เฉดสี ที่สื่อออกมาถึงกลิ่นและรสชาติของกาแฟ หากอยากเพลิดเพลินกับการดื่มกาแฟและเข้าใจรสชาติต่างๆ มากขึ้น การทำความรู้จักกับ Coffee Taster's Flavor Wheel จะช่วยให้คุณเข้าถึงคำศัพท์และมุมมองที่ผู้เชี่ยวชาญใช้ในการบรรยายรสชาติอย่างลึกซึ้ง ทำให้การดื่มกาแฟเป็นประสบการณ์ที่สนุกและเพลิดเพลินยิ่งขึ้น   การแบ่งสีของวงล้อกาแฟ   วงล้อกลิ่นและรสชาติกาแฟมีโครงสร้างเป็น 3 วงซ้อนกัน ดังนี้:   1. วงใน 9 ช่อง - แบ่งกลุ่มหลักอย่างกว้างๆ เช่น ผลไม้, ผัก, ดอกไม้ 2. วงกลาง 28 ช่อง - แบ่งกลุ่มย่อยและระบุรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น ผลไม้สุก, ผลไม้เปรี้ยว, ผลไม้แห้ง 3. วงนอก 73 ช่อง - แบ่งกลุ่มและวิเคราะห์กลิ่นและรสชาติอย่างละเอียดและชัดเจน โดยช่องที่ติดกันจะมีความคล้ายคลึงกัน เช่น กลิ่นสตรอว์เบอร์รี่, บลูเบอร์รี่, ราสเบอร์รี่   โครงสร้างแบบวงซ้อนกันนี้ช่วยให้สามารถจำแนกและวิเคราะห์กลิ่นและรสชาติของกาแฟได้อย่างละเอียดและค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากกลุ่มใหญ่ไปสู่กลุ่มย่อยและรายละเอียดปลีกย่อย   ความหมายของสีในวงล้อกาแฟ   สีแต่ละสีในวงล้อกาแฟบ่งบอกถึงความหลากหลายของรสชาติและกลิ่นในกาแฟได้ดียิ่งขึ้น โดยสีต่างๆ เหล่านี้เป็นการสื่อถึงลักษณะเฉพาะของกาแฟแต่ละชนิด ทั้งในแง่ของกลิ่น รสชาติ และระดับความสุกของเมล็ดกาแฟ   การจำแนกด้วยสีช่วยให้ผู้ชงกาแฟและผู้ดื่มสามารถคาดเดาถึงรสชาติและลักษณะของกาแฟที่จะได้รับได้อย่างคร่าวๆ เช่น กลุ่มสีแดงและสีชมพูเข้มจะให้กลิ่นและรสชาติผลไม้สดและดอกไม้ สดชื่นและนุ่มนวล ในขณะที่กลุ่มสีเขียวและสีเหลืองอมเขียวอาจบ่งบอกถึงกลิ่นรสผักหรือรสเปรี้ยว ซึ่งอาจเกิดจากการคั่วที่ยังไม่เหมาะสม ข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์ในการเลือกซื้อและชงกาแฟตามความชอบส่วนบุคคล มาทำความรู้จักของสีหลักๆ แต่ละสีในวงล้อกาแฟกันเถอะ   1. สีแดง (Red/Fruity) - แทนกลิ่นรสผลไม้สด เช่น ราสเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ เชอร์รี่ - ให้ความรู้สึกสดชื่น หวาน และมีรสเปรี้ยวนิดๆ   2. สีชมพูเข้ม (Dark Pink/Floral) - แทนกลิ่นดอกไม้ เช่น กุหลาบ มะลิ จำปา - ให้ความรู้สึกนุ่มนวล หอมละมุน   3. สีส้ม (Orange/Citrus) - แทนกลิ่นผลไม้จำพวกส้ม เช่น ส้ม มะนาว เลม่อน - ให้กลิ่นรสเปรี้ยวและมีความหวานอมเปรี้ยว   4. สีเหลือง (Yellow/Nutty/Roast) - แทนกลิ่นคาราเมลและรสเนยถั่ว - เกิดจากการคั่วกาแฟที่เหมาะสม ให้ความรู้สึกหอมกรุ่น   5. สีขาว (White) - แทนกลิ่นโทน เค็ม (Salty) กลิ่นเนย (Buttery) กลิ่นวานิลลา (Vanilla) - กลิ่นและรสชาติในกลุ่มสีขาวนี้มักจะเกิดจาก สารประกอบบางอย่างในเมล็ดกาแฟเอง เช่น โปรตีน กรดอะมิโน ที่ทำให้เกิดรสเค็มและวนิลา กระบวนการแปรรูปและคั่ว อาทิ การหมักด้วยวิธีพิเศษ การใช้น้ำตาลบางชนิดเคลือบเมล็ด หรือการเลี้ยงเมล็ดกาแฟด้วยเนยสด ซึ่งจะทำให้ได้กลิ่นเนยสด - การผสมวัตถุดิบอื่นๆ เช่น ใส่วานิลลาลงไปในกาแฟโดยตรง หรือใช้เครื่องเทศบางอย่าง   6. สีน้ำตาล (Brown/Roast) - แทนกลิ่นโกโก้ คาราเมล ช็อคโกแลต ดาร์คช็อกโกแลต และกาแฟคั่วแก่ - เกิดจากการคั่วที่นานจนกาแฟมีสีคล้ำมากขึ้น   7. สีเขียว (Green/Vegetative) - แทนกลิ่นผัก สมุนไพร ต้นไม้สด - อาจหมายถึงกาแฟคั่วน้อยเกินไป   8. สีเทาเขียว (Gray-Green/Sour/Fermented) - แทนกลิ่นเปรี้ยว หมัก ผุพัง - เป็นลักษณะที่ไม่พึงประสงค์ของกาแฟ   ระยะห่างของแถบสี   อีกหนึ่งรายละเอียดสำคัญที่ซ่อนอยู่ในวงล้อรสชาติกาแฟ คือ ระยะห่างระหว่างแถบสี ซึ่งจะมีความกว้างและความแคบแตกต่างกันไป บ่งบอกถึงความใกล้เคียงของกลิ่นและรสชาติในแต่ละกลุ่มว่ามีความแตกต่างหรือคล้ายคลึงกันมากน้อยเพียงใด มีทั้งหมด 3 ระดับ ได้แก่   1. ห่างมาก (Large Gap) หมายถึง รสชาติไม่มีความใกล้เคียงกันเลย เช่น ระหว่างกลุ่ม Citrus Fruit กับ Sour 2. ห่างน้อย (Small Gap) หมายถึง รสชาติมีความคล้ายคลึงกันบางส่วน เช่น ระหว่าง Orange กับ Lemon 3. แคบ/ชิดกัน (No Gap) หมายถึง ทั้งสองชนิดมีความใกล้เคียงกันมาก เช่น ระหว่าง Orange กับ Grapefruit   การสังเกตระยะห่างของแถบสีจะช่วยให้เข้าใจความสัมพันธ์และรสชาติของกาแฟได้อย่างละเอียดลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยมีวิธีการดูวงล้อกาแฟดังนี้   ตัวอย่างวิธีการดูวงล้อกาแฟ   1. เริ่มจากจุดศูนย์กลางด้านในวงล้อ แล้วค่อยๆ ขยายออกไปสู่วงล้อด้านนอก โดยจะเริ่มจากหัวข้อกว้างๆ ก่อน แล้วค่อยๆ เฉพาะเจาะจงลงไปเรื่อยๆ 2. หากเราดื่มกาแฟได้รสผลไม้ เราจะไปดูที่ส่วนของ "ผลไม้" (Fruity) ในวงล้อก่อน จากนั้นลองถามตัวเองว่า ผลไม้ที่เราได้รับรสชาติเป็นแนวไหน เช่น แนวเบอร์รี่ (Berry) หรือพืชตระกูลส้ม (Citrus Fruit) 3. หากเป็นพืชตระกูลส้ม วงล้อจะช่วยระบุลงไปอีกว่าเป็นรสชาติของเกรปฟรุ๊ต (Grapefruit) ส้ม (Orange) มะนาวเหลือง (Lemon) หรือมะนาวเขียว (Lime) 4. ในกรณีที่ยังไม่สามารถระบุรสชาติกว้างๆ ได้ เราสามารถเทียบเป็นโทนสีก็ได้ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เช่น หากดื่มกาแฟแล้วรู้สึกถึงความเขียว ให้ดูที่วงล้อสีเขียว (Green/Vegetative) ว่าเป็นรสชาติแบบไม่สุกงอม (Under-Ripe) หรือสมุนไพร (Herb-Like) 5. หากดื่มแล้วรู้สึกถึงความสดใส อาจนึกถึงสีส้มและสีเหลือง ให้ลองเปรียบเทียบระหว่างวงล้อสองสีนี้ดูว่ามีความโน้มเอียงไปทางไหนมากกว่ากัน เพื่อระบุรสชาติได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น     วิธีการวิเคราห์กาแฟจากการดมกลิ่นและชิม   การวิเคราะห์รสชาติกาแฟตามผัง Coffee Taster's Flavor Wheel สามารถทำได้ผ่าน 2 วิธี ได้แก่ การดมกลิ่น และ การชิมรสชาติ   การดมกลิ่นของกาแฟ (Fragrance & Aroma) 1. Fragrance - การดมกลิ่นจากเมล็ดกาแฟบด 2. Aroma - การดมกลิ่นจากกาแฟที่ชงเสร็จแล้ว   การชิมรสชาติ (Taste & Flavor) นักชิมกาแฟมืออาชีพจะใช้วิธี "Slurp" คือการดูดกาแฟเข้าปากอย่างรวดเร็วและแรง เพื่อให้กลิ่นและรสกระจายทั่วปาก และเปิดประสาทสัมผัสให้รับรสได้อย่างเต็มที่   การดมและชิมด้วยวิธีนี้จะช่วยให้สามารถวิเคราะห์องค์ประกอบต่างๆ ของกาแฟ เช่น กลิ่น รสชาติ ความเปรี้ยว ความขม ตามวงล้อกาแฟ (Coffee Taster's Flavor Wheel) ได้อย่างละเอียดและแม่นยำมากขึ้น     กาแฟแคปซูลพันธ์ุไทยกับวงล้อกาแฟ   หากคุณเป็นคนรักกาแฟ แน่นอนว่าคุณคงไม่พลาดที่จะลองลิ้มรสกาแฟแคปซูลพันธุ์ไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผลิตจากเมล็ดกาแฟอาราบิก้าคุณภาพเยี่ยมถึง 100% ผ่านกรรมวิธีการบ่มและการคั่วอย่างพิถีพิถัน เพื่อค้นหารสชาติและกลิ่นหอมที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของพันธุ์กาแฟไทย   สิ่งที่น่าประทับใจไม่แพ้รสชาติคือความสะดวกสบายในการดื่มกาแฟรูปแบบแคปซูล ที่ทำให้คุณสามารถดื่มด่ำกับกาแฟพรีเมียมคุณภาพได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน หรือแม้แต่ในระหว่างการเดินทาง เพียงใส่แคปซูลเข้าไปในเครื่อง คุณก็จะได้สัมผัสกับกาแฟเข้มข้นหอมกรุ่นในทันที   นอกจากนี้ กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทยยังมีราคาที่จับต้องได้ง่าย เริ่มต้นเพียงแค่ 20 บาทต่อแคปซูล ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับคุณภาพ โดยมีให้เลือกถึง 3 รสชาติที่แตกต่างกันอย่างลงตัว เหมาะกับรสนิยมของคนดื่มกาแฟทุกเพศทุกวัย     1. กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย ดาร์ก โรสต์ (Punthai Coffee Capsule - Dark Roasted)   - กาแฟคุณภาพสูงที่คัดสรรจากเมล็ดกาแฟอาราบิก้าแท้ 100% ผ่านกระบวนการแปรรูปแบบ Washed Process อย่างพิถีพิถัน เพื่อคงไว้ซึ่งกลิ่นและรสชาติที่แท้จริงของเมล็ดกาแฟ - จุดเด่นของกาแฟแคปซูลพันธุ์ไทยดาร์กโรสต์คือการคั่วแบบเข้ม ทำให้ได้บอดี้หนักแน่น พร้อมรสชาติเข้มข้นหอมกรุ่น มีเทสโน้ตโทนช็อกโกแลตเข้มข้น ผสมผสานกับความหวานอ่อนๆ ของน้ำผึ้งปลายๆ ลิ้น ส่งผลให้รสชาติมีความกลมกล่อม และมี Aftertaste หรือรสหลังจิบที่ยาวนาน คงกลิ่นหอมสะอาดของกาแฟไว้อย่างน่าประทับใจ - ด้วยรสชาติเข้มข้นจึงเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ชื่นชอบรสชาติและบอดี้ของกาแฟที่หนักแน่น รับประกันความอร่อยไม่ว่าจะดื่มแบบร้อนหรือเย็น เข้ากันดีกับหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นอาหารหวาน ขนมปัง หรือแม้แต่เบเกอรี่ชนิดต่างๆ - นอกจากนี้ กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทยดาร์กโรสต์ ยังมาในรูปแบบแคปซูลที่อร่อยและสะดวกต่อการบริโภค ในราคาเพียงกล่องละ 200 บาทเท่านั้น เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนรักกาแฟที่ต้องการความคุ้มค่า คุ้มคุณภาพ พร้อมสัมผัสประสบการณ์ดื่มกาแฟเกรดพรีเมี่ยมแบบแท้จากพันธุ์ไทย   กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย ดาร์ก โรสต์กับวงล้อกาแฟ - กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย ดาร์ก โรสต์ หากเทียบกับวงล้อกาแฟแล้วจะได้สีหลัก คือ สีน้ำตาล (Brown/Roast) เนื่องจากเป็นกาแฟคั่วเข้ม จึงจะได้กลิ่นและรสชาติในโทน ดาร์กช็อกโกแลต น้ำตาลคาราเมล โกโก้ หรือคาแรกเตอร์ของการคั่วที่เข้ม     2. กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย นัตตี้ เบลนด์ (Punthai Coffee Capsule - Nutty Blend)   - กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย นัตตี้ เบลนด์ เป็นผลิตภัณฑ์กาแฟเกรดพรีเมียมที่ผสมผสานเมล็ดกาแฟอาราบิก้าจากหลายแหล่งกำเนิดที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น - จุดเริ่มต้นคือเมล็ดกาแฟอาราบิก้าไทย ผ่านกระบวนการแปรรูปแบบ Washed Process เพื่อคงกลิ่นหอมธรรมชาติและคุณภาพของเมล็ด จากนั้นจึงนำมาผสมเบลนด์กับเมล็ดอาราบิก้าบราซิลแบบ Natural Process และฮอนดูรัส เพื่อเสริมรสชาติและกลิ่นให้มีความโดดเด่นขึ้น - ผลลัพธ์ที่ได้คือกาแฟคั่วกลางไปทางเข้ม มีบอดี้หนักพอประมาณ ไม่เข้มจนเกินไป ให้รสชาติเข้มข้น พร้อมกลิ่นหอมละมุนของดาร์กช็อกโกแลต ปนอัลมอนด์ เจือกลิ่นหอมของวนิลาและบัตเตอร์สก๊อต แวะเวียนให้รู้สึกอบอุ่น - ด้วยรสชาติที่ไม่ขมเกินไป จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบบอดี้กาแฟปานกลาง แต่อยากได้รสชาติเข้มข้นและมีกลิ่นหอมชวนรื่นรมย์ สามารถดื่มได้ทั้งแบบผสมนมหรือดื่มเพียวแบบไลท์ๆ ก็ยังคงได้รับความกลมกล่อมของรสชาติ - นอกจากจะอร่อยกลมกล่อมเหมาะกับทุกโอกาสแล้ว กาแฟแคปซูลนัตตี้เบลนด์ยังมาในรูปแบบที่สะดวกต่อการบริโภค โดยบรรจุอยู่ในแคปซูลราคา เพียงกล่องละ 220 บาทเท่านั้น ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าคุ้มราคาสำหรับผู้รักกาแฟที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ดื่มกาแฟหลากหลายรสชาติ   กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย นัตตี้ เบลนด์กับวงล้อกาแฟ - กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย นัตตี้ เบลนด์ หากเทียบกับวงล้อกาแฟแล้วจะได้สีหลักคือ สีน้ำตาล (Brown/Roast) จากการคั่วในระดับกลางถึงเข้ม โทนดาร์คโกโก้ ช็อกโกแลต ปนอัลมอนด์ รวมถึงกลุ่มความหวาน (Sweet) ที่ได้กลิ่นหอมและรสชาติโทนน้ำตาล คาราเมล และวนิลาเบาๆ     3. กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย ฟรุตตี้ เบลนด์ (Punthai Coffee Capsule - Fruity Blend)   - กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย ฟรุตตี้ เบลนด์ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกน่าสนใจสำหรับคนรักกาแฟที่มองหารสชาติแปลกใหม่ ผสมผสานความสดชื่นจากผลไม้เปรี้ยวหวาน - เริ่มต้นจากเมล็ดกาแฟพันธุ์ไทยคุณภาพดี ผ่านการคั่วในระดับอ่อนถึงปานกลาง เพื่อรักษากลิ่นหอมธรรมชาติของเมล็ดไว้ให้มากที่สุด จากนั้นจึงนำมาผสมเบลนด์เข้ากับเมล็ดกาแฟอาราบิก้าจากโคลัมเบียและเอธิโอเปีย ซึ่งผ่านกระบวนการแปรรูปแบบ Natural เพื่อดึงรสชาติผลไม้ออกมาให้เด่นชัดยิ่งขึ้น - ด้วยสูตรพิเศษนี้ ฟรุตตี้เบลนด์จึงมีรสชาติที่แตกต่างจากกาแฟทั่วไป ด้วยความสว่างแบบ Bright Acidity ที่มอบความสดชื่นและรสเปรี้ยวอมหวานของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ลูกพรุน และพีช มีความเป็น Floral อยู่ใน Aftertaste ปลายๆ - รสชาติพิเศษนี้ทำให้ฟรุตตี้เบลนด์เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการดื่มแบบกาแฟดำ ที่จะได้สัมผัสกับความแปลกใหม่ ผสมผสานระหว่างความเปรี้ยวสดชื่นของผลไม้ และความนุ่มนวลของดอกไม้อย่างลงตัว มอบประสบการณ์ชิมกาแฟสไตล์ใหม่ที่แตกต่าง - ดื่มด่ำรสชาติพรีเมียมที่มาพร้อมความสะดวกและคุ้มค่าของกาแฟแคปซูล ในราคาเพียงกล่องละ 220 บาทเท่านั้น   กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย ฟรุตตี้เบลนด์กับวงล้อกาแฟ - กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย ฟรุตตี้เบลนด์ หากเทียบกับวงล้อกาแฟแล้วจะได้สีหลัก คือ สีแดง (Red/Fruity) มีกลิ่นหอมและรสชาติความเปรี้ยวสดชื่นของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ลูกพรุน และพีช   เมื่อเรารู้ลึกรู้จริงเรื่องสีของวงล้อกาแฟ และสามารถวิเคราะห์กาแฟจากการดมกลิ่นและชิมแล้ว จึงทำให้เราสามารถเลือกกาแฟที่ชื่นชอบได้ง่ายขึ้นโดยสังเกตได้จาก Taste Note ที่ถูกระบุลงไว้บนฉลากของบรรจุภัณฑ์ของกาแฟและนำมาเทียบกับวงล้อกาแฟนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดกาแฟ กาแฟคั่วบด กาแฟแคปซูล ต่อจากนี้เราจะได้ดื่มกาแฟที่ตรงใจเราสุดๆ อย่างกาแฟแคปซูลพันธุ์ไทยที่ไม่ได้มีแค่ความอร่อย ยังเป็นผลิตภัณฑ์กาแฟแคปซูลที่ได้รับการออกแบบให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยทุกส่วนประกอบตั้งแต่แคปซูล ฝาปิด ไปจนถึงกล่องบรรจุภัณฑ์ ล้วนผลิตจากวัสดุธรรมชาติที่สามารถย่อยสลายทางชีวภาพได้ 100% ช่วยลดขั้นตอนและพลังงานในการกำจัดขยะ เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้รักสิ่งแวดล้อม มาช่วยกันรักษ์โลกกับพันธุ์ไทยกันเถอะ อ่านบทความดีๆ แบบนี้ได้ที่บล็อกกาแฟพันธุ์ไทย หรือจะดูรายละเอียดเมนูกาแฟบนเว็บไซต์พันธุ์ไทย และสั่งเครื่องดื่มส่งถึงบ้านได้ที่แอปเดลิเวอรี่ชั้นนำ   อ้างอิง: - “กลิ่นดอกไม้ รสสัมผัสชวนให้นึกถึงแอปเปิ้ล” ความซับซ้อนที่ซ่อนอยู่ใน วงล้อกลิ่นและรสชาติกาแฟ - cafn.co - คำแปลและความหมาย Coffee Taster's Flavor Wheel - nlcoffee - รู้จักกับ 'วงล้อรสชาติกาแฟ' ตัวช่วยที่ทำให้การดื่มกาแฟสนุกขึ้น! - 10 คำถามเกี่ยวกับ Coffee Taster's Flavor Wheel - nlcoffee - ชวนทำความรู้จัก “รสชาติ” ต่าง ๆ ของกาแฟ
อ่านต่อ
รวมไอเทมเด็ดจากพันธุ์ไทย ของมันต้องมี ไม่มีเอาท์เทรนด์
รวมไอเทมเด็ดจากพันธุ์ไทย ของมันต้องมี ไม่มีเอาท์เทรนด์   พันธุ์ไทย แบรนด์กาแฟสัญชาติไทยที่โด่งดังไปทั่วประเทศ นอกจากจะมีเมนูเครื่องดื่มและขนมหลากหลายให้เลือกลิ้มลองแล้ว ยังมีไอเทมเด็ดๆ ที่เหล่าคอกาแฟและสาวกพันธุ์ไทยไม่ควรพลาด ไม่ว่าจะเป็นกระติกน้ำ หม้อต้มกาแฟ กระเป๋า หรือแก้วสุดชิค ที่นอกจากจะมีดีไซน์สวยงาม คุณภาพเยี่ยมแล้ว ยังสะท้อนตัวตนและไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี หากคุณกำลังมองหาไอเทมเด็ดจากแบรนด์โปรดเพื่อเป็นของใช้ส่วนตัวหรือเป็นของขวัญให้ใครสักคน บทความนี้จะพาไปส่องไอเทมที่พันธุ์ไทยภูมิใจนำเสนอ รับรองว่าแต่ละชิ้นเป็นของมันต้องมี พกติดตัวไว้ไม่มีเอาท์แน่นอน!     ทำความรู้จัก "ไอเทมพันธุ์ไทย" สินค้าแบรนด์เนมคุณภาพเยี่ยม   เมื่อพูดถึงไอเทมสุดปังจากพันธุ์ไทย หลายคนอาจนึกถึงแค่เฉพาะเมนูเครื่องดื่มเท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว พันธุ์ไทยมีสินค้าไลฟ์สไตล์มากมายที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นแก้วทัมเบลอร์ทรงสวย หม้อต้มกาแฟดีไซน์เฉียบ กระเป๋าเท่ๆ หรือชุดดริปกาแฟคอลเลคชันพิเศษ ซึ่งเป็นไอเทมที่ได้รับความนิยมในหมู่สาวกพันธุ์ไทยเป็นอย่างมาก เพราะทุกชิ้นผ่านการคัดสรรและรังสรรค์มาอย่างดี ทั้งดีไซน์ วัสดุ และประโยชน์ใช้สอยที่เหนือกว่าสินค้าทั่วไปในท้องตลาด   นอกจากนี้ ไอเทมจากพันธุ์ไทยยังสะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียด และการใช้งานจริง เช่น หม้อต้มกาแฟที่เน้นฟังก์ชันและรูปทรงที่เหมาะกับการชงทั้งแบบดริปและแบบปิคนิค กระติกน้ำที่เลือกใช้สแตนเลสอย่างดีเก็บความร้อนและความเย็นได้นาน ขณะเดียวกันก็มีขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย กระเป๋าผ้าแคนวาสทนทาน ที่มีช่องซิปด้านหน้าเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างเป็นระเบียบ หรือแก้วกาแฟที่ไม่เพียงมีลวดลายน่ารัก แต่ยังเลือกใช้วัสดุที่ปลอดภัย ไม่แตกหักง่าย เห็นได้ว่าทุกรายละเอียดของไอเทมพันธุ์ไทย ล้วนคิดและออกแบบมาเพื่อคนรุ่นใหม่ที่ชอบความสะดวก ทนทาน และชิคไปพร้อมๆกัน     รีวิว 5 ไอเทมเด็ดจากพันธุ์ไทย เอาใจคอกาแฟตัวจริง   หากคุณเป็นสาวกพันธุ์ไทย หรือแค่อยากเป็นเจ้าของไอเทมเก๋ๆ สักชิ้น วันนี้เรารวบรวม 5 ไอเทมเด็ดจากแบรนด์นี้มาฝากกัน บอกเลยว่าแต่ละชิ้นเด็ดจนอดใจไม่ไหว อะไรจะปังขนาดนี้!   1. ชุดแก้วพันธุ์ไทยจากกากกาแฟ ดีต่อโลก ดีต่อใจ   พันธุ์ไทย อยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมดูแลโลกใบนี้ไปด้วยกัน กับแก้วคอลเลคชันใหม่ ที่พันธุ์ไทยนำกากกาแฟเหลือใช้มาอัพไซเคิลเป็นแก้วดีไซน์สวย ทั้งดีต่อใจและดีต่อโลก มาในกล่องสีคุมโทนพร้อมฝาปิดและสายรัดปั๊มหนังโลโก้สุดเท่ ได้ทั้งแก้วเย็น ขนาด 450 มล. และแก้วร้อนขนาด 250 มล. เพียงเซตละ 659 บาท     2. กระบอกน้ำพันธุ์ไทยรุ่นไม้ไผ่ ดีไซน์เรียบหรูสไตล์มินิมอล   กระบอกน้ำพันธุ์ไทยรุ่นไม้ไผ่ ดีไซน์เรียบหรูสไตล์มินิมอล   กระบอกน้ำเท่จากแบรนด์พันธุ์ไทย ดีไซน์ฐานลายไม้ไผ่บนโทนสีดำ เก็บอุณหภูมิได้ทั้งร้อนและเย็น มีหูหิ้วพกพาสะดวก ใช้งานง่าย มาพร้อมที่กรองชา ความจุ 550 มล. ราคาเพียง 439 บาท เป็นไอเท็มที่ต้องมีสำหรับคอกาแฟตัวจริง ทั้งดีไซน์ที่สะดุดตาและฟังก์ชันครบครัน     3. กระเป๋าผ้าลายปลากัด สีสันสดใส ใส่ของได้จุใจ   กระเป๋าผ้าแคนวาสเนื้อหนา ดีไซน์ลายปลากัดสุดเก๋จากพันธุ์ไทย ขนาดกำลังดี จุของได้เยอะ เหมาะสำหรับใส่อุปกรณ์ทำงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น iPad โน้ตบุ๊ก เอกสาร หรือกระติกน้ำ ผลิตจากผ้าแคนวาสคุณภาพดี ทนทาน ดูแลรักษาง่าย ในราคาเพียง 240 บาท จะพกพาไปไหนก็สะดวก พร้อมเติมสีสันให้ชีวิตประจำวันของคุณ     4. Punthai x Suntur Red Cold Cup   Punthai x Suntur Red Cold Cup คอลเลคชันแก้วเซรามิกทรงคลาสสิค พิมพ์ลวดลายลิขสิทธิ์จากพันธุ์ไทยที่มีให้เลือกถึง 15 แบบ โดดเด่นด้วยดีไซน์น่ารักสดใส เติมความสุขให้ทุกการดื่มด่ำ ผลิตจากเซรามิกเคลือบเงา มีฝาปิดซิลิโคนและสายหิ้วสำหรับพกพาใช้งานสะดวก เหมาะเป็นทั้งของใช้ส่วนตัวหรือของขวัญให้คนพิเศษ บรรจุได้ 380 มล. ราคาใบละ 350 บาท หรือซื้อครบ 3 ใบ เหลือเพียงใบละ 300 บาท คุ้มสุดๆ     5. หมอนนวมพันธุ์ไทย   หมอนนวมจากแบรนด์กาแฟชื่อดังอย่างพันธุ์ไทย มาในดีไซน์สุดน่ารัก เย็บปักถักร้อยลวดลายสไตล์ลายผ้าขาวม้า เพิ่มลูกเล่นด้วยสีสันสดใส เนื้อผ้านุ่มสบายทำจากผ้าฝ้ายและผ้าลินิน บุด้านในด้วยใยสังเคราะห์คุณภาพดี ราคาเพียงใบละ 420 บาท เหมาะเป็นของขวัญของฝากสำหรับคนพิเศษ หรือตกแต่งห้องให้อบอุ่นน่าอยู่ยิ่งขึ้น สั่งซื้อได้แล้ววันนี้ในช่องทางออนไลน์ที่ร่วมรายการ     4 เหตุผลที่ควรมีไอเทมจากพันธุ์ไทยติดตู้   หลายคนอาจกำลังคิดว่า แค่ซื้อเครื่องดื่มกาแฟหรือขนมอร่อยๆ ก็น่าจะพอแล้ว เสื้อผ้า หม้อกาแฟ กระเป๋า ซื้อแบรนด์อื่นที่ถูกกว่าก็ได้ แล้วซื้อไอเทมพันธุ์ไทยทำไมล่ะ? วันนี้เรามี 4 เหตุผลเด็ดๆ มาบอกว่าทำไมคุณควรมีไอเทมจากแบรนด์นี้ติดบ้านสักชิ้น รับรองว่าอ่านจบแล้วอดใจไม่ไหว ต้องจัดสักไอเทมแน่นอน!   1. ดีไซน์สวย เอกลักษณ์เฉพาะตัว   ไอเทมจากพันธุ์ไทยแต่ละชิ้น ผ่านการออกแบบมาอย่างสวยงามและมีสไตล์ สะท้อนตัวตนของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี แต่ละคอลเลคชั่นก็มีธีมชัดเจน ดูเข้ากันและลงตัวทั้งคอลเลคชัน นอกจากนี้ ไอเทมหลายชิ้นยังพิมพ์ลายลิขสิทธิ์เฉพาะของพันธุ์ไทย ที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้ หากอยากได้ของสวย ชิค มีสไตล์ ไม่ซ้ำใคร ต้องห้ามพลาดไอเทมพวกนี้เด็ดขาด   2. คุณภาพพรีเมียม คุ้มค่าราคา   นอกจากความสวยงามแล้ว ไอเทมแต่ละชิ้นของพันธุ์ไทยยังมีคุณภาพระดับพรีเมียม ผ่านการคัดสรรวัสดุชั้นดีและควบคุมการผลิตอย่างเข้มงวด ไม่ว่าจะเป็นทัมเบลอร์ แก้วน้ำดีไซน์สวยที่เก็บความร้อนเย็นได้นาน ไม่รั่วซึม กระเป๋าผ้าแคนวาสเนื้อหนา ทนทาน หรือแก้วเซรามิกที่เคลือบเงา สวยคงทน เมื่อเทียบราคากับคุณภาพที่ได้ ถือว่าคุ้มค่าเงินทุกบาททุกสตางค์ ของดีขนาดนี้ ไม่ซื้อไม่ได้แล้ว!   3. ใช้งานได้จริง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์   จุดเด่นของไอเทมพันธุ์ไทยอีกอย่างคือการใช้งานได้จริง เข้ากับไลฟ์สไตล์คนเมืองได้อย่างลงตัว เช่น หม้อชงกาแฟสามารถใช้ชงได้ทั้งที่บ้านและพกไปตั้งแคมป์ กระเป๋าแคนวาสบรรจุของได้เยอะ เหมาะสำหรับพกพาไปทำงานหรือเที่ยว กระติกน้ำที่เก็บอุณหภูมิได้นาน ชงกาแฟได้ในตัว ใช้ดื่มได้ทุกที่ทุกเวลา คุณสมบัติเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า พันธุ์ไทยไม่ได้ผลิตแค่ของสวย แต่คำนึงถึงการใช้งานจริงของผู้บริโภคด้วย   4. ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ   ใครว่าไอเทมพวกนี้มีดีแค่ใช้งานอย่างเดียว ที่จริงแล้ว การหยิบจับหรือพกพาไอเท็มสวยๆ จากแบรนด์โปรด ไม่ว่าจะเป็นกระติกน้ำ กระเป๋า หรือแก้วกาแฟ ก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้เราได้เช่นกัน เพราะมันจะทำให้เรานึกถึงความสุขเล็กๆน้อยๆจากการได้ทำในสิ่งที่ชอบ เช่น การดื่มกาแฟหอมกรุ่น อ่านหนังสือ ท่องเที่ยว หรือพักผ่อนในวันหยุด ซึ่งเป็นเสน่ห์อีกอย่างของไอเทมไลฟ์สไตล์ที่ช่วยให้เรามีกำลังใจและพลังบวกมากขึ้น     ส่งท้าย: ไอเทมพันธุ์ไทย ของมันต้องมีสักชิ้น!   จากไอเทมเด็ดๆ ทั้ง 5 ชิ้นและ 4 เหตุผลที่ควรมีไว้ในครอบครอง คงพอจะเห็นภาพแล้วว่า ไอเทมพันธุ์ไทยนั้นน่าสนใจขนาดไหน ไม่ใช่แค่สวย คุณภาพดี แต่ยังตอบโจทย์การใช้งานและไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้อย่างเฉียบขาด สมกับเป็นแบรนด์กาแฟชั้นนำของไทยจริงๆ   ถ้าอยากเป็นเจ้าของไอเทมเหล่านี้ สามารถสั่งซื้อได้ผ่านทางเว็บไซต์หรือช่องทางออนไลน์อื่นๆ ของพันธุ์ไทย หรือแวะไปซื้อด้วยตัวเองที่ร้านสาขาทั่วประเทศก็ได้ รับรองว่าคุณจะต้องหลงรักทั้งคุณภาพและดีไซน์ของทุกชิ้นแน่นอน อย่าลืมอัปเดตคอลเลคชั่นใหม่ๆอยู่เสมอด้วยล่ะ เพราะพันธุ์ไทยมักจะออกไอเทมเซอร์ไพรส์ที่เหนือความคาดหมายเป็นประจำ สำหรับใครที่ยังไม่เคยสัมผัสกาแฟ ขนมอร่อยๆ หรือไอเทมชิคๆจากแบรนด์นี้ แนะนำให้ลองแวะไปที่ร้านสักครั้ง แล้วจะหลงรักในรสชาติความอร่อยและสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์จนถอนตัวไม่ขึ้นแน่นอน หรือใครอยากช้อปออนไลน์ชิลๆ อยู่บ้าน ก็ไปที่ลิงค์นี้เลย มีอีกหลายไอเทมเด็ดโดนใจแน่นอน https://shopee.co.th/punthaicoffee_officialshop
อ่านต่อ
มีสินค้าดีๆ มานำเสนอ อยากฝากขายสินค้ากับพันธุ์ไทย ต้องทำอย่างไร?
มีสินค้าดีๆ มานำเสนอ อยากฝากขายสินค้ากับพันธุ์ไทย ต้องทำอย่างไร?   หากคุณมีสินค้าที่มีคุณภาพดี และกำลังมองหาช่องทางในการจัดจำหน่าย การฝากขายสินค้ากับพันธุ์ไทยเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะพันธุ์ไทยเป็นแบรนด์ชั้นนำ มีฐานลูกค้าที่หลากหลาย ทั้งยังมีการบริหารจัดการที่เป็นระบบ และให้การสนับสนุนพาร์ทเนอร์อย่างดี แต่ก่อนที่จะตัดสินใจฝากขายสินค้ากับพันธุ์ไทย มีข้อมูลอะไรบ้างที่เราควรทราบ และมีขั้นตอนอย่างไร เรามาหาคำตอบพร้อมๆ กันเลย     ทำความรู้จัก "พันธุ์ไทย" แบรนด์กาแฟชั้นนำของคนไทย   พันธุ์ไทย เป็นแบรนด์กาแฟไทยที่ได้รับความนิยมและไว้วางใจจากผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน ด้วยคุณภาพของเมล็ดกาแฟคั่วบดที่คัดสรรอย่างดี และการบริการที่เป็นเลิศ ทำให้พันธุ์ไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีสาขามากกว่า 1,000 สาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้พันธุ์ไทยยังได้ขยายสู่ธุรกิจแฟรนไชส์ เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจสามารถเป็นเจ้าของร้านกาแฟพันธุ์ไทยได้ง่ายๆ   ความสำเร็จของพันธุ์ไทยมาจากหลายปัจจัย ทั้งคุณภาพของวัตถุดิบ ความใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิต การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง รวมถึงการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ สิ่งเหล่านี้ทำให้พันธุ์ไทยได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้า และกลายเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดกาแฟไทย ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการฝากขายสินค้า เพราะการได้วางสินค้าในร้านที่มีชื่อเสียงและมีลูกค้าจำนวนมาก จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น     เหตุผลที่ควรเลือกฝากขายสินค้ากับพันธุ์ไทย   เมื่อเราตัดสินใจฝากขายสินค้า สิ่งสำคัญคือการเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสม ซึ่งการฝากขายสินค้ากับพันธุ์ไทยมีข้อดีหลายต่อที่จะช่วยให้สินค้าของคุณแสดงศักยภาพได้ออกมาดีที่สุด ไปดูกันเลย   1. แบรนด์ที่แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จัก   พันธุ์ไทยเป็นแบรนด์กาแฟคนไทยที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง การวางสินค้าในร้านพันธุ์ไทยจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าของคุณ และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างตรงจุด   2. มีหลากหลายช่องทางการจัดจำหน่าย   พันธุ์ไทยมีร้านกาแฟกระจายอยู่ทั่วประเทศ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด การฝากขายสินค้าผ่านเครือข่ายของพันธุ์ไทย จะช่วยให้สินค้าของคุณได้รับการกระจายสู่ผู้บริโภคในวงกว้าง นอกจากหน้าร้านแล้ว พันธุ์ไทยยังมีช่องทางออนไลน์ อย่างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าในยุคดิจิทัลได้มากขึ้นอีกด้วย   3. มีระบบการบริหารจัดการที่ดี   พันธุ์ไทยให้ความสำคัญกับการบริการที่มีคุณภาพ รวมถึงการบริหารจัดการที่เป็นระบบ ตั้งแต่การคัดเลือกสินค้า การจัดวางสินค้า ไปจนถึงการจัดส่งและการทำบัญชี ด้วยระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยให้ผู้ฝากขายมั่นใจได้ว่า สินค้าจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และได้รับผลตอบแทนที่เป็นธรรม   4. การสนับสนุนด้านการตลาด   เมื่อฝากขายสินค้ากับพันธุ์ไทย นอกจากจะได้พื้นที่ในการจัดวางสินค้าแล้ว พันธุ์ไทยยังมีการสนับสนุนด้านการตลาดในรูปแบบต่างๆ อีกด้วย เช่น การจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย การสื่อสารผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย รวมถึงการแนะนำสินค้าโดยผ่านพนักงาน สิ่งเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นการรับรู้และความต้องการซื้อสินค้าจากลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในร้านได้เป็นอย่างดี     ขั้นตอนการฝากขายสินค้ากับพันธุ์ไทย   หากคุณสนใจที่จะฝากขายสินค้ากับพันธุ์ไทย ต้องทำตามขั้นตอนต่อไปนี้   1. กรอกแบบฟอร์มแสดงความจำนง: ผู้ที่สนใจฝากขายสินค้าต้องกรอกแบบฟอร์มแสดงความจำนงผ่านทางออนไลน์ในเว็บไซต์ หรือสามารถติดต่อผ่านทาง LINE Official Account โดยระบุข้อมูลของผู้ติดต่อ รายละเอียดของสินค้า และจุดเด่นของสินค้า   2. ส่งตัวอย่างสินค้าให้กับทีมงาน: เมื่อทีมงานได้รับแบบฟอร์มแล้ว จะมีการติดต่อกลับเพื่อขอตัวอย่างสินค้า โดยผู้ฝากขายจะต้องจัดส่งตัวอย่างสินค้าให้ทีมงานได้ทดลองและพิจารณาคุณภาพ รสชาติ บรรจุภัณฑ์ และความเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าของพันธุ์ไทย   3. พิจารณาและแจ้งผลการคัดเลือก: ทีมงานจะทำการทดลองและพิจารณาตัวอย่างสินค้า ตามเกณฑ์มาตรฐานของทางร้าน หากสินค้าผ่านการพิจารณา จะมีการแจ้งผลกลับไปยังผู้ฝากขายภายใน 14 วันทำการ พร้อมทั้งข้อเสนอและเงื่อนไขการฝากขายที่เป็นรายละเอียด   4. เซ็นสัญญาและวางแผนการจัดจำหน่าย: หากสินค้าได้รับการคัดเลือก ขั้นตอนต่อไปคือการเจรจาเงื่อนไขและทำสัญญาการฝากขายอย่างเป็นทางการ รวมถึงการวางแผนการกระจายสินค้า การจัดโปรโมชั่น และกลยุทธ์ทางการตลาดร่วมกัน เพื่อให้การวางจำหน่ายสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด   5. ส่งมอบสินค้าและเริ่มจำหน่าย: หลังจากเซ็นสัญญาเรียบร้อย ผู้ฝากขายจะต้องจัดส่งสินค้าตามจำนวนที่ระบุในสัญญามายังคลังสินค้าของพันธุ์ไทย เพื่อกระจายสินค้าไปยังสาขาต่างๆทั่วประเทศ โดยทางร้านจะวางสินค้าในตำแหน่งที่โดดเด่น พร้อมสื่อสารและประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าได้รับรู้     เกณฑ์การพิจารณารับฝากขายสินค้าของพันธุ์ไทย   ในการพิจารณาคัดเลือกสินค้าเข้ามาจำหน่ายในร้าน พันธุ์ไทยมีเกณฑ์ที่เข้มงวดในเรื่องของคุณภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับสินค้าที่ดีที่สุด โดยมีเกณฑ์หลักๆ ดังนี้   1. คุณภาพของสินค้า สินค้าต้องมีคุณภาพสูง ผลิตจากวัตถุดิบชั้นดี มีรสชาติที่อร่อย สะอาด และปลอดภัยต่อผู้บริโภค โดยต้องผ่านการรับรองคุณภาพและมาตรฐานการผลิตที่เชื่อถือได้   2. ความโดดเด่นและความแปลกใหม่ สินค้าควรมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น แตกต่างจากสินค้าอื่นๆ ในท้องตลาด เพื่อสร้างความน่าสนใจและดึงดูดลูกค้า อาจมีคุณสมบัติพิเศษ เช่น ออร์แกนิค ผลิตจากวัตถุดิบท้องถิ่น หรือใช้นวัตกรรมใหม่ๆ   3. บรรจุภัณฑ์ที่สวยงามและได้มาตร​​​​​​​​​​​​​​​​ฐาน บรรจุภัณฑ์เป็นสิ่งแรกที่ลูกค้าสัมผัสได้ก่อนตัดสินใจซื้อ ดังนั้นบรรจุภัณฑ์ของสินค้าต้องมีความสวยงาม โดดเด่น สื่อถึงคุณภาพ และข้อมูลของสินค้าได้ชัดเจน อีกทั้งต้องได้มาตรฐานในเรื่องของความปลอดภัย สามารถเก็บรักษาคุณภาพของสินค้าได้ดี   4. ศักยภาพทางการตลาด สินค้าที่ผ่านการคัดเลือกจะต้องมีศักยภาพในการขาย สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และสอดคล้องกับภาพลักษณ์ของร้านพันธุ์ไทย รวมถึงมีแผนการตลาดที่ชัดเจน เพื่อให้สามารถเข้าถึงและเติบโตในตลาดได้อย่างต่อเนื่อง   5. ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ แบรนด์ของสินค้าต้องมีความน่าเชื่อถือ มีที่มาที่ไปและเรื่องราวที่น่าสนใจ มีหลักการและอุดมการณ์ในการดำเนินธุรกิจที่ดี เพื่อให้ลูกค้ามีความมั่นใจและเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้า     เริ่มก้าวแรกของความสำเร็จของคุณกับการเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวพันธุ์ไทย   การฝากขายสินค้ากับพันธุ์ไทยเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่มีสินค้าคุณภาพและต้องการขยายตลาด เนื่องจากพันธุ์ไทยเป็นแบรนด์ชั้นนำที่มีชื่อเสียง มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย มีระบบบริหารจัดการที่ดี และให้การสนับสนุนพาร์ทเนอร์ในด้านต่างๆ หากสินค้าของคุณมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ที่ทางบริษัทฯ กำหนด และผ่านขั้นตอนการคัดเลือก โดยพิจารณาถึงเงื่อนไขและรายละเอียดต่างๆ อย่างรอบคอบแล้ว ก็จะมีโอกาสได้วางจำหน่ายในร้านพันธุ์ไทย สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากมายทั่วประเทศ   หากคุณมีสินค้าดีๆ และพร้อมจะก้าวสู่ความสำเร็จไปกับพันธุ์ไทย สามารถติดต่อเข้ามาเพื่อแสดงความจำนงได้ สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Punthai Coffee ให้คุณมั่นใจว่าทีมงานของเราจะยินดีให้คำปรึกษา และพิจารณาสินค้าของคุณอย่างเต็มที่ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวพันธุ์ไทย และเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
อ่านต่อ
มือใหม่ก็ดริปได้! แชร์วิธีดริปกาแฟยังไงให้อร่อยเหมือนมีบาริสต้าส่วนตัว
มือใหม่ก็ดริปได้! แชร์วิธีดริปกาแฟยังไงให้อร่อยเหมือนมีบาริสต้าส่วนตัว   สำหรับใครที่เป็นคอกาแฟ คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก “การดริปกาแฟ” เพราะการดริปกาแฟ ถือเป็นกรรมวิธีชงกาแฟยอดนิยมสายสโลว์ไลฟ์ นอกจากจะต้องใช้ความใจเย็นแล้ว ยังต้องใช้ความพิถีพิถันมากกว่าการชงกาแฟแบบทั่วไป วันนี้พันธุ์ไทยจะพามาทำความรู้จักการดริปกาแฟ เริ่มตั้งแต่อุปกรณ์การดริป วิธีการดริปกาแฟแบบละเอียด ไปจนถึงทริคการดริปกาแฟขั้นเทพ ให้เหมือนมีบาริสต้ามาชงให้ยังไงยังงั้น   การดริปกาแฟคืออะไร   การดริปกาแฟ เป็นวิธีการชงกาแฟผ่านตัวกรองแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งต้องใช้ความพิถีพิถันและตั้งใจในแต่ละขั้นตอน ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบความรีบเร่ง แต่รักการดื่มด่ำกาแฟอย่างช้าๆ สัมผัสกลิ่นและรสชาติอย่างละเอียดลออ   ดริปกาแฟจึงถือเป็นหนึ่งในเสน่ห์ดึงดูดใจคนรักกาแฟสายชิลล์ที่ชื่นชอบความบริสุทธิ์ของกาแฟ โดยไม่ต้องการการปรุงแต่งมากนัก แต่ให้ความสำคัญกับกลิ่นหอมธรรมชาติและรสชาติดั้งเดิมของเมล็ดกาแฟเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด   การดริปกาแฟมอบสัมผัสที่แท้จริงของกาแฟแต่ละสายพันธุ์ ซึ่งมีความหลากหลายอย่างมหาศาลจากแหล่งปลูกนานาทวีปทั่วโลก โดยแต่ละแหล่งปลูกก็จะมีรสชาติและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น หากชอบกาแฟรสเปรี้ยวผสมกลิ่นผลไม้ ก็เลือกพันธุ์อาราบิกาจากเอธิโอเปีย แต่ถ้าชอบรสนัทตี้ผสมช็อกโกแลต ก็ต้องเป็นอาราบิกาจากบราซิล ซึ่งพันธุ์ไทยได้รวบรวมสินค้าเมื่อชงด้วยวิธีดริป รสชาติและกลิ่นหอมเฉพาะตัวเหล่านี้จะถูกสกัดออกมาได้อย่างชัดเจนมากกว่ากาแฟเมนูอื่นๆ   ดริปกาแฟจึงไม่ใช่แค่รสขมเข้ม แต่เป็นการเปิดประสบการณ์การดื่มกาแฟใหม่ให้คุณได้สัมผัสรสชาติอร่อยละมุนลิ้น เสมือนหนึ่งกำลังจิบไวน์หรือน้ำผลไม้เกรดพรีเมียม ทำให้การดื่มกาแฟกลายเป็นกิจวัตรอันน่าเพลิดเพลินได้ตลอดทั้งวัน     อุปกรณ์สำหรับดริปกาแฟ   1. เครื่องบดกาแฟ (Coffee Grinder)   เครื่องบดกาแฟแบ่งออกเป็น 2 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ บดแบบหมุนด้วยมือและบดแบบใช้มอเตอร์ไฟฟ้า   Blade Grinder   เป็นเครื่องบดกาแฟประเภทหนึ่งที่มีทั้งแบบใช้มอเตอร์ไฟฟ้าและแบบหมุนด้วยมือ โดยจุดเด่นของเครื่องบดแบบนี้คือราคาที่ถูก พกพาสะดวก และทำความสะอาดง่าย   อย่างไรก็ตาม ข้อเสียหลักของ Blade Grinder คือการบดที่ไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากใบมีดจะตัดหรือบดเมล็ดกาแฟอย่างไม่เป็นระเบียบ ทำให้ได้ผงกาแฟที่มีขนาดผสมปนเปกันไปหมด ทั้งละเอียด หยาบ และขนาดกลาง ซึ่งความไม่สม่ำเสมอนี้อาจส่งผลต่อกลิ่นหอมและรสชาติของกาแฟ ทำให้รสชาติเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จางหรือเข้มขึ้นในทางที่ไม่ควรเป็น   Conical Burr Grinder   จุดเด่นของเครื่องบดชนิดนี้ คือ การบดที่สามารถควบคุมความละเอียดของผงกาแฟได้อย่างแม่นยำ ด้วยการใช้เฟืองบดแบบโคนิคัลสองชิ้น ซึ่งอาจเป็นวัสดุเซรามิกหรือโลหะก็ได้ ช่วยบดให้ได้ผงกาแฟที่มีขนาดละเอียดสม่ำเสมอกัน   เครื่องบดประเภทนี้มีทั้งแบบใช้มอเตอร์ไฟฟ้าและแบบหมุนด้วยมือ ตัวเลือกที่หลากหลายเหมาะสำหรับความต้องการใช้งานที่แตกต่างกัน แต่สิ่งสำคัญคือคุณสามารถปรับความละเอียดของผงกาแฟตามที่ต้องการได้   2. ดริปเปอร์และฟิลเตอร์กาแฟ (Dripper)   ดริปเปอร์ คือ ภาชนะส่วนบน ลักษณะคล้ายแก้วใช้สำหรับใส่กาแฟเพื่อดริป ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 แบบด้วยกัน ได้แก่   - เคมี้กซ์ (Chemex): เป็นดริปเปอร์ที่มีรูปทรงคล้ายกรวยแหลมด้านล่าง โดยมีปลายทะลุเป็นรูกว้าง และตัวกรวยเอียงทำมุม 60 องศา ซึ่งเป็นมุมที่เหมาะสมในการสกัดกาแฟ เพื่อให้ได้รสชาติดั้งเดิมของเมล็ดกาแฟอย่างครบถ้วน   - ดริปเปอร์ทรงกรวยตัด หรือทรงคางหมู (Trapezoid): ดริปเปอร์แบบนี้จะมีลักษณะคล้ายกรวยปากแตร แต่ส่วนปลายจะถูกตัดให้เหลือเพียงรูระบายน้ำขนาดเล็กประมาณ 1-3 รูเท่านั้น รูขนาดจิ๋วนี้จะทำหน้าที่เป็นจุดควบคุมอัตราการไหลของน้ำร้อนลงสู่ผงกาแฟบด ทำให้น้ำค่อยๆ แทรกซึมและไหลผ่านอย่างช้าๆ อย่างสม่ำเสมอ   - ทรงกระบอก หรือตะกร้า (Cylindrical Shape Dripper or Basket Shape): ดริปเปอร์แบบนี้จะมีลักษณะเป็นทรงกระบอกกลม หรือแบบหยักคล้ายตะกร้า โดยที่ปลายล่างจะมีรูระบายน้ำขนาดเล็กประมาณ 3 รู เพื่อควบคุมอัตราการไหลของน้ำร้อน แตกต่างจากทรงคางหมูที่มีรูเพียงรูเดียว จุดเด่นของดริปเปอร์ทรงกระบอก/ตะกร้า คือการที่ไม่มีที่พักน้ำค้างอยู่ภายในตัวดริปเปอร์ ทำให้สามารถควบคุมการไหลของน้ำร้อนผ่านผงกาแฟบดได้ง่ายขึ้น   3. กระดาษกรอง (Paper Filter)   กระดาษฟิลเตอร์ หรือกระดาษกรองมีให้เลือกทั้งหมด 3 ประเภท โดยให้เลือกใช้ตามลักษณะของดริปเปอร์   - กระดาษฟิลเตอร์ทรงกรวยปลายแหลม ใช้กับดริปเปอร์ทรงกรวย - กระดาษฟิลเตอร์ทรงกรวยก้นตัด ใช้กับดริปเปอร์ทรงกรวยตัด (ทรงคางหมู) - กระดาษฟิลเตอร์ทรงดอกไม้ (แบบหยัก) ใช้กับดริปเปอร์ทรงกระบอก หรือตะกร้า   4. ถ้วยหรือกาน้ำกาแฟ   กาน้ำที่ใช้สำหรับดริปกาแฟ จะต้องมีคอของกาที่มีลักษณะเรียวยาว โค้งมน และปลายแหลม เพื่อง่ายต่อการเท อีกทั้งยังสามารถควบคุมน้ำหนักและความช้าเร็วได้รินได้อีกด้วย   5. เครื่องชั่งและบีกเกอร์   เครื่องชั่งมีไว้สำหรับวัดปริมาณน้ำกาแฟที่ผ่านกระบวนการดริปมาแล้ว ให้ได้กาแฟดริปที่มอบรสชาติเข้มเต็มรสกาแฟ   6. โถรองดริป (Server)   โถรองดริปมักจะมีรูปทรงคล้ายเหยือกน้ำ ทำจากวัสดุแก้วใส เพื่อให้เราสามารถมองเห็นสีและความสวยงามของกาแฟที่หยดลงมาสู่โถได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ แก้วยังมีคุณสมบัติในการรักษาความร้อนของน้ำกาแฟได้เป็นอย่างดี ช่วยคงรสชาติและกลิ่นหอมของกาแฟให้คงอยู่ได้นานขึ้น     การเลือกและเตรียมเมล็ดกาแฟ   1. ประเภทของเมล็ดกาแฟ   เลือกใช้เมล็ดกาแฟคั่วกลางหรือคั่วเข้ม ปริมาณเมล็ดกาแฟประมาณ 15-18 กรัม ต่อน้ำ 240 มิลลิลิตร บดด้วยเครื่องบดกาแฟให้ละเอียดพอสมควร อนุภาคไม่ควรบดละเอียดจนเกินไป   2. อัตราส่วนปริมาณกาแฟต่อน้ำ   โดยปกติการดริปกาแฟนั้น จะใช้กาแฟต่อน้ำในอัตราส่วน 1:15 กรัม อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนนี้ไม่ใช่กฎเหล็กที่ตายตัว เนื่องจากสามารถปรับลดหรือเพิ่มได้ตามรสชาติที่ต้องการ หากต้องการดื่มกาแฟที่มีรสชาติเข้มข้น ให้ใช้น้ำในอัตราส่วนที่น้อยลง แต่หากอยากดื่มกาแฟที่มีรสชาติอ่อนกว่า สัมผัสเบา ๆ ให้เพิ่มอัตราส่วนของน้ำขึ้น ประมาณ 1:17 กรัมจะเหมาะสม   อุณหภูมิของน้ำ   อุณหภูมิของน้ำถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องให้ความสนใจ ควรเลือกใช้กาดริป (Drip Kettle) ที่มีเทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิ หรือซื้ออุปกรณ์วัดอุณหภูมิแยกต่างหากเพื่อวัดอุณหภูมิของน้ำก่อนดริปกาแฟ โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 92 - 94 องศาเซลเซียส น้ำที่ร้อนจนเกินไปจะทำให้กาแฟมีรสชาติเข้มขึ้น   การเทน้ำและระยะเวลา   นี่เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ต้องหมั่นฝึกฝนและใช้ประสบการณ์ การเทน้ำอย่างมั่นคง ค่อยๆ เทและวนไปให้ทั่วผงกาแฟที่อยู่ภายในดริปเปอร์ มี 2 ความเร็วด้วยกัน ได้แก่   - น้ำไหลช้า หมายถึงใช้เวลาในการสกัดกาแฟนาน ทำให้กาแฟที่ได้มีรสเข้มขมมากกว่าปกติ - น้ำไหลเร็ว หมายถึงใช้เวลาในการสกัดที่เร็วเกินไป ทำให้ได้กาแฟที่มีรสชาติอ่อนๆ ใสๆ แต่มีรสเปรี้ยวที่โดดเด่น     วิธีการดริปกาแฟอย่างละเอียดและทริคการดริปขั้นเทพ   1. บดเมล็ดกาแฟ 20 กรัม ให้มีความละเอียดเท่ากับน้ำตาลทรายขาว 2. เตรียมน้ำร้อนปริมาณ 240 กรัม ตามอัตรส่วน 1:12 3. วางกระดาษกรองในที่ดริป แล้วรินน้ำร้อนผ่านเพื่อปรับอุณหภูมิอุปกรณ์ 4. นำเมล็ดกาแฟบดที่เตรียมไว้ใส่ในกระดาษกรอง 5. เทน้ำร้อนประมาณ 3 รอบในปริมาณที่พอเปียกกาแฟทั่วถ้วย   ช่วงแรก Pre-infusion: - รินน้ำจากกาลงบนผงกาแฟตรงกลาง แล้ววนออกด้านนอก ให้ผงกาแฟชุ่มน้ำ - ค่อยๆ หยดน้ำ และเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ - ใช้เวลาประมาณ 30-45 วินาทีแรก โดยน้ำจะยังไม่ค่อยไหลจากตัวกรอง   ช่วงกลาง: - เร่งความเร็วและแรงในการเทน้ำให้ได้ปริมาณน้ำมากที่สุด - น้ำกาแฟบนดริปเปอร์จะเป็นสีน้ำตาลทอง - ค่อยๆ หยดจนน้ำกาแฟที่ได้เริ่มเจือจางลง น้ำจะไหลเร็วขึ้น - ช่วงนี้ใช้น้ำประมาณ 150 มิลลิลิตร หรือจนถึงนาทีที่ 2   ช่วงท้าย: - เบามือลง หยดน้ำช้าๆ จนครบปริมาณ - สีน้ำกาแฟจะค่อยๆ เจือจางและใสขึ้น - ช่วงนี้อยู่ประมาณนาทีที่ 2-3 - ค่อยๆ เทน้ำร้อนลงไปทีละน้อย โดยเริ่มจากขอบวนเข้าหากลางในลักษณะวงกลม - ใช้เวลาประมาณ 2-3 นาทีทั้งหมด 3 ช่วง ในการดริปจนหมดถ้วย เมื่อกาแฟไหลออกหมดแล้วก็สามารถรินสิ่งค้างใต้กรองด้วยน้ำร้อนได้   เทคนิคการดริปที่ถูกวิธี   - ควบคุมอุณหภูมิน้ำร้อนให้อยู่ระหว่าง 92-96 องศาเซลเซียส - การเทน้ำแบบเป็นวงกลมและสม่ำเสมอ จะทำให้น้ำกระจายตัวได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น - ยิ่งเทน้ำลงลงตรงไหน กาแฟส่วนนั้นก็จะโดนสกัดออกมามากที่สุด ดังนั้นจึงควรเทให้เท่าๆ กัน - ไม่ควรเขย่าหรือกดกาแฟในระหว่างดริป - หลังดริปเสร็จแล้ว ควรรินเศษกากด้านล่างออกให้หมด   เคล็ดลับและข้อควรระวังในการดริป   - ควรใช้น้ำร้อนที่สะอาด ไม่มีกลิ่นหรือรสชาติแปลกปลอม - ปรับปริมาณน้ำและกาแฟให้เหมาะสมตามรสนิยมของตน - น้ำยิ่งร้อนยิ่งสกัดกาแฟออกมาได้เยอะ - คอยสังเกตเวลาและปริมาณในการดริป หากใช้เวลานานเกินไปกาแฟจะมีรสเปรี้ยว - ทำความสะอาดอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้มีคราบกาแฟค้างที่อาจทำให้รสชาติเปลี่ยนไป - ฝึกฝนบ่อยๆ จนเกิดความชำนาญ เทคนิคการดริปมีผลต่อรสชาติกาแฟมาก   ชวนให้ลองกาแฟดริปของพันธุ์ไทย 4 รสชาติ!     พันธุ์ไทยขอเชิญชวนให้เหล่าคอกาแฟดริป มาดื่มด่ำกับกาแฟอาราบิก้ากัน เพียงแค่ดริปกาแฟแบบง่ายๆ ที่บ้าน ก็จะได้สัมผัสกับรสชาติของกาแฟดริปพันธุ์ไทย x ดอยตุง กาแฟอาราบิก้าแท้ 100% ภายใต้โครงการพัฒนาดอยตุงฯ เบลนด์พิเศษเพื่อพันธุ์ไทย จนได้รสชาติและความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ ชุดดริปกาแฟมือใหม่ มีทั้งหมด 4 รสชาติ ได้แก่   1. Dark Wood   กาแฟดริปจากเมล็ดกาแฟอาราบิก้าคั่วระดับเข้มที่เต็มไปด้วยรสชาติที่ชวนค้นหา จุดเด่นของมันก็คือรสชาติโทนดาร์กช็อกโกแลต เข้ม แต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายโทนนัตตี้ และน้ำตาลทรายแดง เปรียบเสมือนการเดินทางในป่ายามค่ำคืน   2. Cedar Forest   กาแฟดริปจากกาแฟอาราบิก้าคั่วระดับกลาง ให้กลิ่นอายความสดชื่นของใบสนและสมุนไพร แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความเป็นช็อกโกแลต และน้ำตาลทรายแดง เปรียบเสมือนการเดินทางในป่าสนอันเขียวขจี   3. Tropical Fresh   กาแฟดริปจากกาแฟอาราบิก้าคั่วระดับกลาง ให้รสชาติหวาน ชุ่มฉ่ำคล้ายน้ำผลไม้ ซึ่งให้รสชาติของผลพลัม และความหวานจากคาราเมลที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้เพิ่มความสดชื่นในการดื่มด่ำกาแฟ เปรียบเสมือนการเดินทางในป่าฝนที่อุดมสมบูรณ์   4. Creamy Hills   กาแฟดริปจากกาแฟอาราบิก้าคั่วระดับกลางถึงเข้มที่มีรสสัมผัสนุ่มนวลชวนฝัน มีกลิ่นอายอัลมอนด์ คาราเมล ใครที่ชอบอัลมอนด์ถูกใจสิ่งนี้ เมื่อดื่มไปแล้วจะให้ความรู้สีกที่เบา สบาย เปรียบเสมือนการเดินทางบนเนินเขาที่อบอุ่น   พอรู้วิธีดริปกาแฟแบบละเอียดกันแล้ว ก็อยากหาซื้อกาแฟมาดริปที่บ้านเลยใช่ไหมล่ะ พันธุ์ไทยมีทั้งเมล็ดกาแฟคั่วและชุดกาแฟดริปแบบสำเร็จรูป ไม่ต้องยุ่งยากในการดริป เพียงแค่มีกาน้ำร้อนและแก้วน้ำ คุณก็สามารถดริปกาแฟดื่มเองได้ที่บ้าน แบบไม่ต้องเดินทางไปคาเฟ่อีกต่อไป สามารถดูรายละเอียดสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์พันธุ์ไทยและสามารถสั่งในแอปเดลิเวอรีได้แล้ววันนี้!   อ้างอิง: - วิธีการดริปกาแฟ (Drip Coffee) ศิลปะบนกาแฟ | Nestle Dolce Gusto - กาแฟดริป (Drip Coffee) เมนูชูโรง ตามต้นตำหรับคอกาแฟ - เจาะลึกกาแฟดริป (Drip Coffee) ฉบับเริ่มต้นทำตามได้ step by step!
อ่านต่อ
แจกพิกัด 10 ที่เที่ยวหน้าร้อนใกล้กรุงเทพ ไม่ต้องไปไกล ชิวได้ไม่ต้องค้างคืน
แจกพิกัด 10 ที่เที่ยวหน้าร้อนใกล้กรุงเทพ ไม่ต้องไปไกล ชิลได้ไม่ต้องค้างคืน   วันสงกรานต์ใกล้เข้ามาแล้ว แต่ยังไม่มีแพลนว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดีที่ใกล้กรุงเทพฯ เพราะไม่อยากค้างคืน พันธุ์ไทยนอกจะมีเครื่องดื่มสดชื่นๆ ในช่วงซัมเมอร์นี้แล้ว เรายังขอเสนอ 10 ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ฉบับวันเดย์ทริปในหน้าร้อน ที่ไม่ต้องเดินทางไปไกลก็สนุกได้ ไปเช็คอินตามลิสต์นี้กันเลย!   10 ที่เที่ยวหน้าร้อนใกล้กรุงเทพฯ ซัมเมอร์นี้ห้ามพลาด     1. เกาะแสมสาร ชลบุรี   หากพูดถึงเกาะขาม ในสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ชื่อของเกาะแสมสารก็จะตามมาด้วยตลอด เกาะแสมสาร เป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ เชิงธรรมชาติที่งดงามและได้รับความนิยม เนื่องจากมีทิวทัศน์ที่สวยงาม น้ำทะเลใสสะอาด ปะการังที่มีสภาพดี ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับธรรมชาติอันงดงามและได้ใกล้ชิดกับความมหัศจรรย์ใต้ท้องทะเลได้อย่างเต็มที่   บนเกาะแสมสารนั้นมีหาดทรายที่สามารถลงเล่นน้ำและดำน้ำชมปะการังได้ถึง 2 แห่งด้วยกัน ได้แก่ หาดเทียนและหาดลูกลม ซึ่งมีความงดงามแตกต่างกันไป นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถเพลิดเพลินกับการนั่งเรือท้องกระจกเพื่อชมปะการังและฝูงปลาหลากหลายสายพันธุ์ที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นได้อีกด้วย การเดินทางมาเที่ยวเกาะแสมสารจึงเป็นโอกาสอันดีในการได้สัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติทางทะเล พร้อมทั้งได้พักผ่อนและผ่อนคลายอย่างแท้จริง     2. บางกระเจ้า สมุทรปราการ   สายธรรมชาติถูกใจสิ่งนี้ “บางกระเจ้า” เป็นที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ แบบธรรมชาติ เพราะเป็นแหล่งพื้นที่สีเขียวที่สำคัญและเปรียบเสมือนปอดกลางใจกรุงให้กับคนกรุงเทพฯ ได้หายใจรับอากาศบริสุทธิ์ จึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์ของชาวกรุงเทพฯ   กิจกรรมยอดฮิตที่นิยมทำกันที่บางกระเจ้าคือ การปั่นจักรยานเที่ยวชมธรรมชาติและแวะเวียนไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในบริเวณนั้น อาทิ ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง วัดพราหมณ์ สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ พิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย และร้านกาแฟริมทางที่เปิดให้บริการระหว่างเส้นทางปั่นจักรยาน   การมาปั่นจักรยานท่องเที่ยวชมธรรมชาติที่บางกระเจ้านอกจากจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์แล้ว ยังเป็นการออกกำลังกายที่ดีต่อสุขภาพอีกด้วย พร้อมกับได้สัมผัสกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมของคนในพื้นที่นั้นผ่านการแวะเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ระหว่างทาง ถือเป็นการผสมผสานความสนุกสนานเพลิดเพลินกับประโยชน์จากการออกกำลังกายได้อย่างลงตัว     3. ตลาดน้ำอัมพวา สมุทรสงคราม   ตลาดน้ำอัมพวาเป็นหนึ่งในตลาดน้ำเก่าแก่และมีชื่อเสียงของจังหวัดสมุทรสงคราม ตั้งอยู่ใกล้กับวัดอัมพวันเจติยาราม มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าร้อยปีในฐานะแหล่งชุมชนริมน้ำ ซึ่งเป็นสถานที่เที่ยวยอดนิยมใกล้กรุงเทพฯ   จุดเริ่มต้นของตลาดน้ำแห่งนี้มาจากความพยายามของชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นในการอนุรักษ์วิถีชีวิตริมน้ำและสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนในชุมชน โดยการผลักดันให้ตลาดน้ำแห่งนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว   เมื่อเวลาเย็นย่ำคืนจะมีตลาดเล็กๆ ตั้งขึ้นตามสองฝั่งคลอง มีร้านค้าเรียงรายจำหน่ายอาหารไทยโบราณ ขนม และสินค้าที่ระลึกแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีเรือล่องผ่านในคลองเพื่อขายอาหารไทย สตรีทฟู้ดและผลไม้สดให้แก่นักท่องเที่ยว   หนึ่งในไฮไลท์ของตลาดน้ำแห่งนี้คือ มีบริการนั่งเรือล่องชมวิถีชีวิตชาวบ้านตามริมคลองอัมพวาและลำคลองสายต่างๆ ที่หล่อเลี้ยงชุมชนมาช้านาน ด้วยเสน่ห์และกลิ่นอายแบบวิถีชาวบ้านริมน้ำโบราณจึงดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้มาเยือนอย่างไม่ขาดสาย     4. ทุ่งทานตะวัน ลพบุรี   สำหรับใครที่ชื่นชอบดอกทานตะวัน ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคมของทุกปีถือเป็นช่วงเวลาทองที่นักถ่ายภาพต่างจับจังหวะไปเก็บภาพความสวยงามของทุ่งทานตะวันสีเหลืองอร่ามกันอย่างคับคั่ง โดยหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ จังหวัดลพบุรี   ลพบุรีได้รับการขนานนามว่าเป็น "เมืองทานตะวัน" เนื่องจากมีทุ่งทานตะวันขนาดใหญ่และสวยงามมากมายกระจายอยู่ทั่วทั้งจังหวัด ยกตัวอย่างเช่น ทุ่งทานตะวันเขาจีนแล ทุ่งทานตะวันไร่ลุงจ๊อด และทุ่งทานตะวันบ้านหัวดง เป็นต้น ภาพของดอกทานตะวันเหลืองสดใสเรียงรายอย่างสวยงามคู่กับพื้นหลังเป็นเนินเขา หรือถ่ายคู่กับวิถีชีวิตของชาวนา นับเป็นรูปภาพที่สวยงามและแสนจะโรแมนติก เหมาะกับแพลนวันเดย์ทริป ใกล้กรุงเทพฯ     5. น้ำตกเจ็ดสาวน้อย สระบุรี   น้ำตกเจ็ดสาวน้อยเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ที่น่าสนใจ เป็นที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ เชิงธรรมชาติที่ได้รับความนิยมในบรรดานักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยตั้งอยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครไม่มากนัก   ไฮไลท์ของน้ำตกแห่งนี้คือ ประกอบด้วยชั้นน้ำตกขนาดเล็กถึง 7 ชั้น มีความสูงของแต่ละชั้นประมาณ 2-5 เมตร ทำให้สามารถเดินชมและสัมผัสกับความสวยงามของน้ำตกได้ตลอดเส้นทางที่ไม่ยาวนัก โดยใช้เวลาเดินเพียงประมาณ 10 นาทีเท่านั้นก็จะครบทั้ง 7 ชั้นแล้ว   นอกจากจะได้ชมความงดงามของน้ำตกสายสั้นๆ แล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถลงเล่นน้ำในบริเวณที่มีแอ่งน้ำตื้นๆ ได้อย่างสนุกสนานและผ่อนคลายอีกด้วย โดยเฉพาะน้ำตกชั้นที่ 4 ซึ่งเป็นชั้นที่สูงและมีขนาดใหญ่ที่สุด มีความสูงประมาณ 3 เมตร แอ่งน้ำมีขนาดพอที่จะให้ผู้มาเยือนได้ลงเล่นน้ำและพักผ่อนอย่างเต็มที่     6. หาดชะอำ เพชรบุรี   หากพูดถึงที่เที่ยวหาดใกล้กรุงเทพฯ “หาดชะอำ” เป็นหาดที่คนไทยพูดถึงกันมากที่สุด หาดชะอำ ตั้งอยู่ในอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เป็นหนึ่งในชายหาดยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนใกล้กรุงเทพฯ   หาดชะอำถือเป็นชายหาดที่มีความพร้อมสำหรับการท่องเที่ยว มีร้านอาหาร ที่พักบริการต่างๆ รวมถึงกิจกรรมทางน้ำและกิจกรรมกลางแจ้งมากมายให้นักท่องเที่ยวได้สนุกสนานกันอย่างจุใจ   สำหรับกิจกรรมยอดนิยม เช่น การขี่ม้าตามแนวชายหาด ปั่นจักรยานรับลมเย็นๆ บานานาโบ๊ทหรือเจ็ตสกีสนุกสนานท่ามกลางท้องทะเล นอกจากนี้ ริมหาดยังมีจุดชมวิวและพื้นที่สำหรับถ่ายภาพสวยๆ เหมาะแก่การจัดงานปาร์ตี้ริมหาดหรือเพียงแค่มานั่งชิลล์ดูพระอาทิตย์ตกดินเบาๆ ก็เพลิดเพลินไปอีกแบบ     7. อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง สุพรรณบุรี   “อ่างเก็บน้ำเขาวง” หรือที่รู้จักกันในนาม “ปางอุ๋งสุพรรณ” เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติยอดนิยมของจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นสถานที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่สวยงามแห่งหนึ่ง   ด้วยบรรยากาศอันงดงามและสดชื่น โดยเฉพาะในช่วงเช้ามืดจะมีหมอกบางๆ ปกคลุมท้องน้ำและเนินเขา สร้างบรรยากาศคล้ายกับปางอุ๋งที่แม่ฮ่องสอน ทำให้เป็นมุมสวยงามที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพเก็บบรรยากาศเป็นที่ระลึก   นอกจากนี้ภายในบริเวณอ่างเก็บน้ำเขาวงยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์หลากหลายรูปแบบให้นักท่องเที่ยวได้เลือกสรร ทั้งการล่องแพชมธรรมชาติ กางเต็นท์พักแรมแคมป์ปิ้ง หรือแม้แต่การท่องเที่ยวเชิงวิถีชุมชน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบชนบทอันสงบ และผ่อนคลายไปกับธรรมชาติแบบเต็มอิ่ม     8. น้ำตกเอราวัณ กาญจนบุรี   หน้าร้อนแบบนี้ ก็ต้องไปเล่นน้ำที่น้ำตกเอราวัณสิ น้ำตกเอราวัณ ในจังหวัดกาญจนบุรี เป็นหนึ่งในน้ำตกที่มีชื่อเสียง เป็นที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ยอดนิยมที่ยังมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณื ด้วยน้ำตกสีเขียวมรกตที่งดงามตระการตา   น้ำตกเอราวัณประกอบด้วยชั้นน้ำตกทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้นมีความสวยงามและมีแอ่งน้ำให้นักท่องเที่ยวได้ลงเล่นน้ำเพลิดเพลิน สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด น้ำตกแห่งนี้จึงดึงดูดให้ผู้คนหลั่งไหลมาเยือนอย่างไม่ขาดสาย   นอกเหนือจากการเล่นน้ำชมน้ำตกแล้ว ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่ผ่านป่าดิบเขาให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติอย่างแท้จริง โดยมีเจ้าหน้าที่คอยนำเที่ยวและให้ความรู้เพื่อความปลอดภัย     9. อุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา อยุธยา   อะเมซิ่งไทยแลนด์จะขาดอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยาไปไม่ได้เลย อุทยานแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 3,000 ไร่ และในปีพ.ศ. 2534 อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดย UNESCO ทำให้อุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้เป็นที่นิยมของที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ในหมู่คนไทยและชาวต่างชาติ   ภายในพื้นที่นี้ประกอบไปด้วยโบราณสถานสำคัญมากมาย ภายในกำแพงเมืองมีพระราชวังโบราณ วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดราชบูรณะ วัดพระราม วัดมหาธาตุ และวิหารมงคลบพิตร ส่วนนอกกำแพงเมืองก็ยังมีวัดวาอาราม และโบราณสถานอื่นๆ อีกมากมาย เช่น วัดไชยวัฒนาราม วัดช้าง วัดจักรวรรดิ์ วัดภูเขาทอง วัดมเหยงคณ์ เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่ให้เห็นถึงร่องรอยอารยธรรมของกรุงศรีอยุธยา ซึ่งยังคงปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน และควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้     10. วัดสมานรัตนาราม ฉะเชิงเทรา   สายมูห้ามพลาด มากราบไหว้ขอพรพระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยกันเถอะ พระพิฆเนศองค์นี้ประดิษฐานอยู่ที่วัดสมานรัตนาราม จังหวัดฉะเชิงเทรา ตัวองค์เทพมีเนื้อเป็นสีชมพู วิจิตรงดงามและสูงใหญ่มาก สูงถึง 16 เมตร และความกว้าง 14 เมตรเลยทีเดียว และรอบฐานมีพระพิฆเนศปางต่างๆ อีก 32 ปางให้ได้เดินชมรอบฐานกัน   นอกจากพระพิฆเนศ ภายในวัดยังมีพระบรมสารีริกธาตุในดอกบัวกลางน้ำอันวิจิตรงดงาม อีกทั้งยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกหลายองค์ซึ่งประดิษฐานอยู่ด้วยกันถึง 10 องค์ด้วยกันที่ผู้คนนิยมมากราบไหว้ขอพร ไม่ว่าจะเป็นพระพิฆเนศ ปางปาฏิหาริย์ 108 กร พระโพธิสัตว์กวนอิม ปางประทานบุตร หลวงพ่อโต พระประธานในอุโบสถ หลวงพ่อองค์ดำ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อประทานพร ช้างเอราวัณ พระราหู ท้าวมหาพรหม และจระเข้โหราเทพารักษ์ บอกเลยว่าสายมูขอพรสักการะกันได้แบบจุกๆ ได้บุญกลับไปเพียบ   เป็นอย่างไรกันบ้างกับที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ฉบับวันเดย์ทริปจากพันธุ์ไทย หวังว่าทุกคนจะได้ไปเช็คอินตามที่เที่ยวหน้าร้อนใกล้กรุงเทพฯ 1 วัน สามารถติดตามอ่านบทความไลฟ์สไตล์ดีๆ แบบนี้ได้ที่บล็อกพันธุ์ไทย และสำหรับใครที่อยากดับร้อน เพราะหน้าร้อนประเทศไทยร้อนเหลือเกิน นอกจากจะเล่นน้ำวันสงกรานต์คลายร้อนแล้ว อย่าลืมสั่งเครื่องดื่มพันธุ์ไทยเพื่อเพิ่มความสดชื่นบนเว็บไซต์พันธุ์ไทยหรือสั่งในแอปเดลิเวอรีได้เลย!   อ้างอิง: - 35 ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ งบไม่เกินพัน 2567 ที่เที่ยวงบประหยัด ก็ฟินได้! - 15 ที่เที่ยวธรรมชาติสวยๆ ใกล้กรุงเทพ บรรยากาศดี สดชื่น สายกรีนต้องไปชิล
อ่านต่อ
แจกไอเดียเมนูอาหารเช้า จับคู่กับกาแฟแก้วโปรด
แจกไอเดียเมนูอาหารเช้า จับคู่กับกาแฟแก้วโปรด   อาหารเช้ากินคู่กับกาแฟ เป็นมื้อโปรดสำหรับหลาย ๆ คน เชื่อว่าคงมีเมนูอาหารเช้าสุดเลิฟที่ตัวเองชื่นชอบ กินพร้อมกาแฟดีๆ อีกสักแก้ว เพื่อบูสต์พลังยามเช้าให้สดใส พร้อมไปใช้ชีวิตกันต่อแบบเต็มพิกัด! แต่ว่า.. ในบางครั้งมันก็คงจะมีอารมณ์คิดไม่ออก ประมาณว่า “เช้านี้ เราจะกินอะไรดีนะ?” วันนี้พันธุ์ไทยจึงได้เตรียมไอเดียอาหารเช้าง่ายๆ ที่กินกับกาแฟแล้วเข้ากันอย่างลงตัวมาให้เรียบร้อยแล้ว จะมีเมนูอะไรบ้าง มาดูกันเลยดีกว่า   ไข่กระทะร้อนๆ ทำง่ายได้ประโยชน์ อาหารเช้ากินคู่กับกาแฟ อเมริกาโนร้อน     เริ่มกันที่เมนูอาหารเช้าสุดคลาสสิคแบบ ไข่กระทะ ทั้งอร่อย ทำกินเองง่าย ใช้เวลาเตรียมวัตถุดิบไม่นาน อีกทั้งยังเต็มไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะโปรตีนจากไข่ไก่และหมูสับ วิตามินจากผักและผลไม้ต่างๆ ช่วยเพิ่มพลังยามเช้าได้เป็นอย่างดี   ซึ่งจะดียิ่งขึ้นไปอีกถ้าหากจับคู่กับอเมริกาโนร้อนๆ หอมละมุนมีเอกลักษณ์ และเข้มข้นในสไตล์ของพันธุ์ไทย เป็นตัวเลือกปลุกพลัง รวมทั้งได้ดื่มด่ำรสชาติกาแฟอย่างแท้จริง นอกจากนี้ อเมริกาโนร้อน ยังมีประโยชน์อีกหลากหลาย ทั้งแคลอรี่ต่ำ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ทำให้สมองตื่นตัว รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า บอกเลยว่าไม่มีอะไรจะเข้าคู่กันกับเมนูอาหารเช้า ไทยแบบไข่กระทะไปมากกว่านี้แล้วล่ะ!   สูตรไข่กระทะเติมพลัง อาหารเช้ากินคู่กับกาแฟ อเมริกาโนร้อน    1. ผัดหมูสับ ไส้กรอก เบคอน หมูยอ และปรุงรสเพิ่มตามใจชอบ จากนั้นนำมาพักแยกไว้ 2. ลวกแครอท มะเขือเทศ หรือผลไม้อื่นๆ จากนั้นพักแยกไว้ 3. เริ่มทอดไข่ไก่ เมื่อไข่ไก่เริ่มสุก ให้จัดเรียงวัตุดิบที่พักไว้ลงบนไข่ไก่ในกระทะ 4. โรยต้นหอม พริกไทย ตกแต่งเพิ่มความสวยงาม เพียงเท่านี้ก็ได้ไข่กระทะสุดปัง เมนูอาหารเช้า ไทยพร้อมเสิร์ฟคู่กับอเมริกาโนร้อนเข้มๆ เพื่อเพิ่มพลังอย่างเต็มที่แล้ว     โจ๊กหมูใส่ไข่สุดฟิน อาหารเช้ากินคู่กับกาแฟ พันธุ์ไทย คอฟฟี่เย็น   มาต่อกันที่ โจ๊กหมูใส่ไข่ อีกเมนูอาหารเช้าอมตะ หาซื้อง่าย เหมาะกับชั่วโมงเร่งด่วนยามเช้าที่ต้องรีบเดินทาง ฝ่ารถติด ไปทำงาน ไปโรงเรียน หรือไปทำธุระอะไรก็ตาม ก็คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้กินโจ๊กร้อนๆ ที่หอมละมุนกลมกล่อม และมีไข่แดงสวยๆ ให้เจาะเพิ่มความฟิน~   บวกกับการดื่มกาแฟซิกเนเจอร์ พันธุ์ไทย คอฟฟี่เย็น ได้รสกาแฟอาราบิก้าเข้มๆ ผสานกับนมสดสุดนัว สูตรเฉพาะของพันธุ์ไทย รับประกันความกลมกล่อมเข้ากันเป็นอย่างดี แถมเครื่องดื่มเย็นๆ แบบนี้ยังเหมาะกับสภาพอากาศไทยอันร้อนระอุสุดๆ ด้วยนะ   ในกรณีที่อยากทำโจ๊กหมูใส่ไข่ด้วยตัวเอง เพราะอยากเตรียมเมนูอาหารเช้าง่ายๆ ได้ประโยชน์ พันธุ์ไทยก็ได้เตรียมสูตรเด็ดทำตามง่ายๆ มาให้อีกเช่นกัน เลื่อนลงไปอ่านต่อได้เลย   สูตรโจ๊กหมูใส่ไข่ เมนูอาหารเช้าง่ายๆ อร่อยจนใจฟู     1. ต้มน้ำให้เดือด และใส่ซุปก้อนลงไป 2. ใส่ก้อนหมูสับลงไป รอจนกว่าหมูจะสุก เมื่อสุกแล้วให้ตักออกมาพักไว้ 3. ใส่ข้าวลงไปต้มในน้ำซุป คนเรื่อยๆ ประมาณ 15 นาที 4. เมื่อข้าวสุกนำหมูใส่ลงไป ตามด้วยไข่ไก่ 5. เติมซอสหรือเครื่องปรุงรสอื่นๆ ตามใจชอบ ทานพร้อมพันธุ์ไทย คอฟฟี่เย็น     ครัวซองต์หอมกรุ่น อาหารเช้ากินคู่กับกาแฟ สามทหารเสือเย็น   เอาใจสายฝอกันบ้าง กับเมนูอาหารเช้าจากประเทศฝรั่งเศส ด้วยขนมปังสุดฮิตอย่าง ครัวซองต์กรอบๆ หอมกรุ่นฉ่ำเนย เรียกได้ว่าเป็นเบเกอรีที่จริงใจ เอาไปประยุกต์สอดไส้กับไข่ข้น แฮม หรือมอสซาเรลล่าชีส ใดๆ ก็ตามแต่ คือเข้ากันไปหมด อีกอย่างเป็นเมนูที่พกไปกินระหว่างทางสะดวกมากๆ ตอบโจทย์คนมีเวลาน้อยที่สุด เลิศเต็ม 10 ไม่มีหัก   เมื่อเอามาทานคู่กับกาแฟสามหารเสือเย็น ที่มีส่วนประกอบจากกาแฟอาราบิก้ารสเข้ม นมสด และช็อกโกแลต ซึ่งมีความเข้มข้น หอมหวาน ไม่กลบรสชาติกันและกัน ก็จะกลายเป็นมื้อเช้าที่ดีงามอย่างถูกต้อง แถมเข้ากันกับเมนูอาหารเช้าง่ายๆ อย่างครัวซองต์ที่สุด   แต่จะกินครัวซองค์เนยสดเพียงอย่างเดียว บางทีก็ได้สารอาหารไม่ครบ ด้วยความที่เมนูอาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดของวัน ดังนั้นพันธุ์ไทยขอเสนอไอเดียจับคู่ครัวซองค์กับส่วนผสมอื่นๆ เพิ่มเติมไปให้ด้วยนะ ซึ่งก็เป็นส่วนผสมที่หาซื้อง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก นำไปใส่เพิ่มความอิ่มอร่อยให้เมนูอาหารเช้าง่ายๆ ได้ประโยชน์ขั้นสุด แถมเข้ากับกาแฟสามทหารเสือเย็นอีกด้วย มาดูหน้าครัวซองต์ต่างๆ กัน     ไอเดียครัวซองต์สุดยั่วสารพัดหน้า เข้ากับกาแฟพันธุ์ไทย   1. ครัวซองต์แฮมชีส 2. ครัวซองต์ไข่ข้น+มะเขือเทศ 3. ครัวซองต์แซลมอน+อะโวคาโด 4. ครัวซองต์สลัดทูน่า+ไข่ต้ม 5. ครัวซองต์ไส้กรอกเบคอนชีส     แพนเค้กนุ่มละมุน อาหารเช้ากินคู่กับกาแฟ โตนดเย็น   สายหวานต้องรักสิ่งนี้ เพราะนี่คืออาหารเช้ากินคู่กับกาแฟแบบชาวตะวันตกที่ลงตัวกันอย่างถูกต้อง นั่นก็คือ แพนเค้กนุ่มๆ หอมหวาน กับกาแฟโตนดเย็นจากทางพันธุ์ไทยนั่นเอง! เป็นอีกเมนูรองท้องเบาๆ ยามเช้า ที่อร่อยฟินไม่ไหว เจ้าแป้งแพนเค้กสุดละมุนสามารถเข้ากับหลายๆ อย่างได้เป็นอย่างดี จับคู่กับของคาวก็ปัง จับคู่กับของหวานก็จึ้ง สรุปคือเลิศไปหมด ถูกต้องทุกอย่าง ทำแต่ละครั้งกินกันได้ทั้งบ้าน โดยเฉพาะบ้านไหนที่มีเด็กๆ รับรองว่าต้องถูกใจพวกเขาแน่นอน   และจะขาดฮีโร่ตัวเด็ดที่เข้ามาเสริมให้เมนูอาหารเช้าแบบแพนเค้กอร่อยกลมกล่อมขึ้นไม่ได้ ซึ่งก็คือกาแฟโตนดเย็น ที่มีกาแฟเข้มๆ และเพิ่มความหวานจากตาลโตนด หวานกลมกล่อมกำลังดี ไม่มีเลี่ยนสไตล์ไทยๆ แต่อย่าพึ่งคิดว่าจะเหมาะกับแพนเค้กซึ่งเป็นอาหารสไตล์ตะวันตกไหม? ขอให้เปลี่ยนความคิดใหม่เพราะภาพรวมของกาแฟตโนดเย็นนั้นเข้มข้นหวานมันละมุนเข้ากันกับแพนเค้กมากกว่าที่คิด   เช่นเดียวกับครัวซองต์จะกินแต่แป้งแพนเค้กก็ไม่สะใจพอ มาเติมส่วนผสมอื่นๆ เพิ่มเติมกัน ปรับใช้จากไอเดียด้านล่างนี้ได้ตามใจชอบเลยน้า   ไอเดียแพนเค้กอร่อยล้ำ ฟินฉ่ำยามเช้า   1. แพนเค้กไข่ดาว+ไส้กรอก 2. แพนเค้กเบคอนชีส 3. แพนเค้กครีมสตรอว์เบอร์รีย์ 4. แพนเค้กเนื้อบด+มะเขือเทศ 5. แพนเค้กกล้วย+นูเทลล่า     เป็นอย่างไรกันบ้าง กับอาหารเช้ากินคู่กับกาแฟ ที่พันธุ์ไทยเตรียมมาให้ทุกคนในวันนี้ เป็นเมนูที่หาซื้อง่าย หรือจะทำกินเองก็สบายสุดๆ ไปเลยใช่ไหม? ประเด็นสำคัญคือห้ามลืมทานมื้อเช้ากันเด็ดขาดเลยนะ เพราะนี่เป็นสิ่งสำคัญ ต้องเริ่มต้นวันด้วยการเติมสิ่งดีๆ เข้าร่างกาย   แน่นอนว่าขอฝากเมนูกาแฟพันธุ์ไทยแก้วโปรดไปดื่มลิ้มรสคู่กับอาหารเช้าง่ายๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ดีๆ ยามเช้าให้เพอร์เฟกต์อย่างลงตัวกันด้วยนะทุกคน   สามารถสั่งซื้อ เมนูกาแฟพันธุ์ไทย  แก้วโปรดได้ที่ร้านพันธุ์ไทย และแอปเดลิเวอรีส่งถึงบ้านได้เลย
อ่านต่อ
ทายนิสัยจากเมนูกาแฟแก้วโปรด
รู้ไหมว่า กาแฟบอกนิสัยของเราได้นะ      สำหรับคอกาแฟ ที่ต้องเติมพลังด้วยเครื่องดื่มคาเฟอีนแก้วโปรดในทุก ๆ วันแล้ว ทุกคนคงมีเมนูกาแฟ หรือรสชาติของเมนูกาแฟที่ชอบดื่มเป็นประจำ อาจจะด้วยเหตุผลที่ว่า คาเฟอีนจากกาแฟช่วยกระตุ้นความสดชื่น ปลุกความตื่นตัวในตอนเช้าได้ หรือบางคนก็ชอบกลิ่นหอมเข้มของกาแฟ ขอแค่ได้นั่งลิ้มรสกาแฟไปพร้อมกับสัมผัสกลิ่นหอม ๆ ภายในร้านไปด้วยก็พอ   มาเริ่มเกมทายใจ ทายนิสัยจากกาแฟ กัน   แน่นอนว่าเครื่องดื่มที่เราดื่มนั้นสามารถทายบุคลิก หรือทายนิสัยจากกาแฟที่ดื่มกันทุกวันได้ ไม่จะว่าเป็นความเข้มข้นของกาแฟ ส่วนผสมของเครื่องดื่ม หรือรสชาติที่เน้นไปในเรื่องความกลมกล่อม บ้างก็เน้นที่ความเข้มข้น ความหอมไม่กลบกลิ่นกาแฟ วันนี้มาดูกันว่า เมนูกาแฟที่เราชอบจะทายนิสัย สะท้อนตัวตนของเราออกมาได้ตรงกับนิสัยมากแค่ไหน มาดูกัน     ทายนิสัยจากกาแฟ อเมริกาโนเย็น   ผู้ที่ชื่นชอบอเมริกาโนเย็น แปลว่าเป็นคนที่ใจเย็น มีความหนักแน่นในเหตุผล มีความรับผิดชอบสูง มีแบบแผนการทำงานที่แน่นอน และมั่นใจในตัวเองสูง มีความเป็นผู้นำ จากการทายนิสัยจากกาแฟ คุณเป็นคนที่ใช้เหตุผลในการจัดการเรื่องต่าง ๆ มากกว่าอารมณ์ ทำให้งานออกมามีประสิทธิภาพ จึงทำให้ใคร ๆ ก็ยอมรับในความสามารถของคุณ   ทายนิสัยจากกาแฟ พันธุ์ไทย คอฟฟี่เย็น   พันธุ์ไทย คอฟฟี่เย็น สุดเข้มข้นและกลมกล่อมด้วยส่วนผสมอย่าง “กาแฟและนมสด” สูตรเฉพาะของพันธุ์ไทย สามารถทายนิสัยจากกาแฟได้ว่า คนที่ชอบกาแฟเข้มข้น มีกลิ่นหอมกลมกล่อมอันเป็นเอกลักษณ์นั้น เป็นคนตรงไปตรงมา จริงจัง จริงใจ แน่วแน่กับเป้าหมายของตนเอง รักที่จะทำงานหนักเพื่อที่จะได้มาในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่ชอบหาประโยชน์จากใคร และจะไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบ จากการทายนิสัยจึงตามมาด้วยความรอบคอบถึงจะดูเป็นคนซีเรียส แต่ก็เป็นคนอัธยาศัยดีต่อคนรอบ ๆ ตัว และปรับตัวเข้ากับคนรอบข้างได้ง่าย   ทายนิสัยจากกาแฟ สามทหารเสือเย็น   เข้มสะใจไปกับ “กาแฟ นมสด ช็อกโกแลต” ได้รสชาติเข้มข้นและหอมหวานแบบเต็ม ๆ สำหรับคนที่ชื่นชอบกาแฟ ผสมนม และช็อกโกแลตนี้ สามารถทายนิสัยจากกาแฟได้ว่า เป็นคนอัธยาศัยดี เฟรนด์ลี่สุด ๆ และเข้ากับคนอื่นได้ง่าย รักอิสระ ชอบความตื่นเต้นในชีวิต และเป็นคนแอคทีฟอยู่ตลอดเวลา ทายนิสัยจากกาแฟได้ว่าเป็นคนดื้อเงียบ โกรธง่ายหายเร็ว และไม่มีความโรแมนติกใด ๆ เนื่องจากจะติดขี้เล่นไปสักหน่อย   ทายนิสัยจากกาแฟ ลาเต้เย็น   ถ้าคุณชอบกาแฟลาเต้เย็น เราขอทายนิสัยจากกาแฟรสละมุนนี้ว่า คุณเป็นที่มีเสน่ห์ ละเอียดอ่อน ปากหวาน ชื่นชอบให้ชีวิตมีสีสัน มีความคิดสร้างสรรค์สุด ๆ ทำให้เป็นคนที่ไม่ชอบอยู่ในกรอบ ชอบมีไอเดียแหวกแนวที่ทำให้คนอื่นประหลาดใจอยู่เสมอ แต่กระนั้น จากการทายนิสัยจากกาแฟ ข้อเสียของคุณคือ คุณอาจจะมีมุมที่ขาดความมั่นใจหากอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย และแม้จะช่างคิดแต่เป็นคนโลเล ไม่เด็ดขาด ชอบอยู่ในเซฟโซนของตัวเอง จึงไม่กล้าแสดงออกมากนักและคนที่อ่อนไหวง่าย   ทายนิสัยจากกาแฟ พันธุ์ไทย ไชโยเย็น   ผู้ที่ชื่นชอบเมนูกาแฟ พันธุ์ไทย ไชโยเย็น คือความสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างกาแฟเข้มข้น และนมสดกลมกล่อม ทายนิสัยจากกาแฟได้ว่า ถ้าคุณชอบกาแฟพันธุ์ไทย ไชโยเย็น แปลว่าคุณเป็นคนที่มีความอบอุ่น โรแมนติก ในขณะเดียวกันก็เป็นคนชัดเจน ซื่อตรง และซื่อสัตย์เสมอ แต่คุณไม่ใช่คนเคร่งขรึม กลับเป็นคนสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับคนรอบตัวอยู่เสมอ เข้าสังคมเก่งและชอบการพบปะพูดคุยพอสมควร   ทายนิสัยจากกาแฟ โตนดเย็น   กาแฟเข้ม ๆ ผสานความหอมหวาน ละมุนจากตาลโตนด สามารถทายนิสัยจากกาแฟโตนดเย็นได้ว่า คุณเป็นคนอนุรักษ์นิยมตัวยง รักนวลสงวนตัว มีความหนักแน่นมั่นคง ไม่โอนอ่อนต่อกระแสสังคม ชอบของสไตล์วินเทจ มีสไตล์เป็นของตัวเอง ไม่ไหลไปตามกระแสสังคมง่าย ๆ ทายนิสัยจากกาแฟ ได้ว่า คุณเป็นคนใช้ชีวิตในกรอบ และกฎเกณฑ์ เป็นคนที่มีชีวิตเป๊ะ ทำอะไรตามระเบียบเสมอ สำหรับคอกาแฟที่อ่านทายนิสัยจากกาแฟแล้วรู้สึกว่าตรงกับนิสัยตัวเอง อย่าลืมแบ่งปันให้เพื่อนๆ แฟนคลับกาแฟพันธุ์ไทยด้วยกันมาลองเล่นกันนะและอย่าลืม คิดถึงเมนูกาแฟ อย่าลืมคิดถึง กาแฟพันธุ์ไทย นะ   อ้างอิง https://www.lifestyleasia.com/bk-th/astrology/latest/personality-from-coffee-you-like/https://www.sanook.com/campus/1412539/https://thethaiger.com/th/news/875107/http://pitbullcoffee.com/index.php?route=extension/module/knowledge/detail&knowledge_id=59
อ่านต่อ
กาแฟพันธุ์ไทย ร่วมบริจาคอาหาร​ และของใช้จำเป็นสำหรับช้างและสัตว์ต่างๆ​ ที่ประสบอุทกภัย​ รวมมูลค่า​ 200,000​ บาท
บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด​ ร่วมบริจาคอาหาร​ และของใช้จำเป็นสำหรับช้างและสัตว์ต่างๆ​ ที่ประสบอุทกภัย​ รวมมูลค่า​ 200,000​ บาท​ ผ่านมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม​ อ.แม่แตง​ จ.เชียงใหม่   มูลนิธิฯ​ แห่งนี้​ เป็นศูนย์ช่วยเหลือดูแลสัตว์ต่างๆ​ ซึ่งจะแบ่งปันอาหารและของใช้ที่จำเป็นไปยังปางช้าง​อื่นๆ​ และศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ต่างๆ​ ที่อยู่ใกล้เคียงต่อไป​   พี่ไทขอเป็นกำลังใจให้น้องช้างและทุกชีวิตผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปอย่างปลอดภัยนะคร้าบ
อ่านต่อ
พันธุ์ไทย ฉลอง 12 ปี จัดแคมเปญใหญ่ มอบของขวัญมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท
บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด เฉลิมฉลองครบรอบ 12 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ส่งแคมเปญ “Big Birthday ฉลอง 12 ปีพันธุ์ไทย แจกใหญ่พี่ไทให้โชค” มอบของขวัญแทนคำขอบคุณให้แฟนพันธุ์ไทยได้ลุ้นรับรางวัลใหญ่แบบไม่เคยมีมาก่อน จัดหนักแจกจริงทุกเดือนถึงสิ้นปี รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท เพื่อตอบแทนความไว้วางใจและคืนกำไรให้กับลูกค้า พร้อมก้าวสู่ปีที่ 13 อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ชื่อดังคนแรกของพันธุ์ไทย ที่จะมาสร้างประสบการณ์ ส่งความสุขช่วงสิ้นปีนี้ รวมถึงอีเวนท์สุดปังที่ได้รับเกียรติจากศิลปินไทยมือรางวัลระดับโลกมาสร้างสรรค์ผลงานสุดคราฟท์ใจกลางเมือง พร้อมกิจกรรมสุดเซอร์ไพรซ์ที่พันธุ์ไทยตั้งใจมอบเป็นของขวัญให้กับทุกคนตลอดปี 2568 นี้   คุณสุขวสา ภูชัชวนิชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด กล่าวว่า “พันธุ์ไทย ภูมิใจที่ได้อยู่เคียงข้างคนไทยมากว่า 12 ปี เรามุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ สร้างสรรค์เมนูที่แตกต่าง พร้อมยกระดับมาตรฐานของสินค้าและบริการ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ตรงใจผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันกาแฟพันธุ์ไทยก้าวเข้าสู่ปีที่ 13 เปิดให้บริการกว่า 1,100 สาขา มีการสนับสนุนวัตถุดิบท้องถิ่นไปกว่า 22 ชุมชน ใน 11 จังหวัดทั่วประเทศ พร้อมสนับสนุนเกษตรกรไทยให้ อยู่ดี มีสุข ควบคู่การดูแลสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการปลูกกาแฟภายใต้การอนุรักษ์ป่าเดิม เพิ่มการปลูกป่าใหม่ เพื่อให้ทุกคนสามารถเติบโตไปพร้อมกับธรรมชาติที่สมบูรณ์ได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้พันธุ์ไทยยังปรับเปลี่ยนดีไซน์ร้านให้สอดรับกับเทรนด์ที่ทันสมัย มีความเรียบง่ายในสไตล์โมเดิร์น แต่ยังคงเอกลักษณ์ที่เป็นเสน่ห์ของพันธุ์ไทย รวมถึงการปรับยูนิฟอร์มพนักงานให้มีความสดใส คล่องตัว และสามารถเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น”   “ล่าสุดพันธุ์ไทย เปิดตัว “ไทยริกาโน” (Thairicano) กาแฟไทยสายพันธุ์อาราบิก้าแท้ 100% จากแหล่งปลูกที่ดีที่สุดใน จ.แม่ฮ่องสอน เป็นกาแฟพิเศษ (Specialty Coffee) คั่วระดับกลาง ให้ความบาลานซ์หลากหลายมิติ สอดรับ เทรนด์คนรุ่นใหม่ที่พิถีพิถันกับการดื่มด่ำกาแฟรสชาติพรีเมียม ในราคาเข้าถึงง่าย เริ่มต้นเพียง 55 บาท และสำหรับแคมเปญ Big Birthday ครบรอบ 12 ปี พันธุ์ไทยขอถือโอกาสนี้ มอบของขวัญตอบแทนลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนมาโดยตลอด ด้วยกิจกรรมสนุกๆ ให้ลุ้นรับของรางวัลมากมายถึงสิ้นปี นอกจากนี้ยังเตรียมจัดบิ๊กเซอร์ไพรซ์ ดึงแบรนด์แอมบาสเดอร์ชื่อดังที่เป็นแฟนตัวจริงของพันธุ์ไทย มาสร้างสีสัน และขยายฐานไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2567 นี้ รวมถึงอีเวนท์ใหญ่ที่พันธุ์ไทยจับมือกับศิลปินไทยเจ้าของผลงานมือรางวัลระดับโลกมาสร้างสรรค์งานศิลปะสุดคราฟท์ใจกลางเมือง เพื่อมอบเป็นของขวัญต้อนรับปีใหม่ในเดือนมกราคม 2568 นี้” คุณสุขวสา กล่าวเสริม   ในโอกาสครบรอบ 12 ปี พร้อมก้าวสู่ปีที่ 13 พันธุ์ไทยยังได้สื่อสารผ่านคอนเทนต์ออนไลน์ภายใต้คอนเซปป์หนังสือรุ่นในธีม Then & Now #จากวันนั้นถึง12ปีวันนี้ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวความประทับใจให้แฟนๆ ได้หวนนึกถึงความทรงจำดีๆ ในอดีต ไม่ว่าจะเป็น โลโก้แรก สาขาแรก ยูนิฟอร์มแรก เมนูแรก พร้อมจัดแคมเปญใหญ่ “Big Birthday ฉลอง 12 ปีพันธุ์ไทย แจกใหญ่พี่ไทให้โชค” ที่พันธุ์ไทยตั้งใจมอบเป็นของขวัญแทนคำขอบคุณลูกค้าที่ให้การสนับสนุนพันธุ์ไทยด้วยดีเสมอมา เพียงเติมความสดชื่นกับเครื่องดื่มพันธุ์ไทย ทุกเมนู ทุกขนาด ทุกรสชาติ ให้ครบ 5 แก้ว และครบ 10 แก้วในระยะเวลาที่กําหนดในแต่ละรอบจับรางวัล ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัลใหญ่ทุกเดือน เช่น สร้อยคอทองคำ, Apple Watch, โทรศัพท์มือถือ Samsung Galaxy Z Flip 6, รถจักรยานยนต์ Honda Wave, Macbook Air                  และ ของรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย มูลค่ารวมกว่า 2 ล้านบาท สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบัตร Max Card Plus และ             Max Card Plus EV เพียงแสดงบัตรสมาชิกตัวจริง หรือโชว์ผ่าน Application Max Me ที่หน้าร้านพันธุ์ไทยทุกสาขา          (เดลิเวอรีไม่ร่วมรายการ) ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2567 - 31 ธันวาคม 2567 ประกาศผลรางวัลผ่าน www.facebook.com/punthaicoffee   ร่วมสนุกง่ายๆ เพียง : ผู้ร่วมกิจกรรม ต้องเป็นสมาชิกบัตร Max Card Plus/Max Card Plus EV (ค่าสมัครสมาชิก 599 บาท เป็นราคาตามปกติ) ผู้ร่วมกิจกรรมต้องซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มจากร้านกาแฟพันธุ์ไทย (ได้ทุกสาขา) ภายใต้เครื่องหมายการค้า “กาแฟพันธุ์ไทย” ทุกเมนู ทุกขนาด ทุกรสชาติ ให้ครบ 5 แก้ว และครบ 10 แก้ว (สําหรับผู้ร่วมรายการที่ ซื้อครบ 5 แก้วภายใน 15 วันแรกของเดือน รับสิทธิ์ลุ้นรางวัล 1 สิทธิ์ในรอบจับรางวัล ‘ซื้อครบ 5 แก้ว’  และถ้าซื้อครบ 10 แก้วภายในสิ้นเดือน รับสิทธิ์ลุ้นรางวัลอีก 1 สิทธิ์ ในรอบจับรางวัล ‘ซื้อครบ 10 แก้ว’ ) รอบจับรางวัลจะมี 2 รอบ คือ รอบ ‘ซื้อครบ 5 แก้ว’ และ ‘ซื้อครบ 10 แก้ว’ ในแต่ละรอบจับรางวัล ผู้ร่วมกิจกรรมจะได้รับสิทธิ์ 1 สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลในรอบนั้นๆ ทางบริษัทจะรวบรวมสิทธิ์ทั้งหมดมาจับรางวัลหาผู้โชคดีตามวัน เวลาและสถานที่ที่กําหนดต่อไป   กติกาการร่วมกิจกรรม: ผู้ร่วมกิจกรรม ต้องเป็นสมาชิกบัตร Max Card Plus/Max Card Plus EV (ค่าสมัครสมาชิก 599 บาท เป็นราคาตามปกติ) เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มจากร้านกาแฟพันธุ์ไทย ทุกสาขา ภายใต้เครื่องหมายการค้า “กาแฟพันธุ์ไทย” ทุกเมนู ทุกขนาด ทุกรสชาติ ดังนี้ ซื้อครบ 5 แก้ว สามารถแลกรับ 1 สิทธิ ในรอบการจับรางวัลครั้งที่ 2,4 และ 6 ซื้อครบ 10 แก้ว สามารถแลกรับ 1 สิทธิ ในรอบจับรางวัลครั้งที่ 1, 3, 5, และ 7 เมื่อครบระยะเวลาที่กำหนด แล้วทางบริษัทจะ รวบรวมสิทธิ์ทั้งหมดมาจับรางวัลหาผู้โชคดีตามวัน เวลาและสถานที่ที่กําหนดต่อไป   เงื่อนไขการร่วมกิจกรรม: - สงวนการใช้สิทธิ์ต้องแสดงบัตรสมาชิก Max Card Plus/Max Card Plus EV ตัวจริง หรือโชว์ผ่าน Application Max Me เท่านั้น - ผู้ร่วมกิจกรรม 1 ท่าน สามารถร่วมสนุกได้มากกว่า 1 ครั้ง แต่มีสิทธิ์รับรางวัลเพียง 1 รางวัล/รอบจับรางวัล ตลอดระยะเวลากิจกรรม - ผู้ได้รับรางวัลจะต้องยืนยันสิทธิ์โดยการส่ง ชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรและที่อยู่ มาทางอินบ๊อกซ์เฟสบุ๊ก PunThai Coffee ภายในวันที่กำหนด - หากไม่มีการยืนยันสิทธิ์ ภายในวันที่กำหนด ถือว่าเป็นการสละสิทธิ์โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า และจะยกสิทธิ์ให้กับผู้มีสิทธิ์ท่านอื่น - บริษัทฯ ผู้จัดกิจกรรมและตัวแทนจะมีการจัดเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อวัตถุประสงค์ในการตัดสินรางวัล ยืนยันตัวตนและจัดส่งของรางวัลหากท่านเป็นผู้โชคดี - ผู้ร่วมกิจกรรมไม่สามารถเรียกร้องค่าตอบแทน, ค่าเสียหาย หรือสิ่งใดๆ จาก บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด ไม่ว่าทางแพ่ง หรือทางอาญา - พนักงานของ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด และในเครือ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) รวมทั้งเอเจนซี่ตัวแทนของกาแฟพันธุ์ไทย ที่มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมหรือผลิตสื่อการตลาดไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ - คำตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุดและขอสงวนสิทธิ์ในการตัดสิทธิ์ผู้ร่วมกิจกรรมที่ทำตามกติกาไม่ถูกต้อง โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า - ของรางวัลไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นเงินหรือโอนสิทธิ์ให้ผู้อื่นได้ - เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โดยบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง แก้ไข เพิ่มเติมเงื่อนไขในกติกาต่างๆ โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า - สินค้าแจกมีจำนวนจำกัดตามที่ระบุในแต่ละกิจกรรม - ระยะเวลากิจกรรม ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2567 - 31 ธันวาคม 2567 - โปรโมชันนี้ไม่สามารถใช้ร่วมกับเครื่องดื่มบรรจุขวด หรือน้ำดื่มได้ - โปรโมชั่นนี้เฉพาะหน้าร้านและสั่งกลับบ้านเท่านั้น ไม่สามารถสั่งผ่านแอปพลิเคชันเดลิเวอรีได้ - เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า - กรณีมีข้อโต้แย้ง การตัดสินใจของบริษัทฯ ถือเป็นที่สิ้นสุด
อ่านต่อ
“กาแฟพันธุ์ไทย” จับมือ “สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย” หนุนเยาวชนไทย สร้างนักการตลาดรุ่นใหม่ ในโครงการ Marketing Trainee รุ่น 37
“กาแฟพันธุ์ไทย” จับมือ “สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย”  หนุนเยาวชนไทย สร้างนักการตลาดรุ่นใหม่ ในโครงการ Marketing Trainee รุ่น 37   บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด จับมือ สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยร่วมส่งเสริมการพัฒนาทักษะและความรู้ด้านการตลาดแก่นิสิต นักศึกษาจากสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำทั่วประเทศ ผ่านชมรมยุวสมาชิกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย หรือ J-MAT (Junior Marketing Association of Thailand) ในการจัดโครงการอบรมพิเศษ “นักการตลาดรุ่นเยาว์ หรือ Marketing Trainee รุ่นที่ 37” ภายใต้หัวข้อ “Eternal Gems: Find your key items that will ignite your marketing world” เพื่อเรียนรู้และค้นหาตัวตนในสายอาชีพการตลาด เตรียมความพร้อมก่อนก้าวเข้าสู่โลกการทำงานจริงในอนาคต   คุณชาคริต ดิเรกวัฒนชัย เลขาธิการสมาคมการตลาด กล่าวว่า “สมาคมฯ มุ่งมั่นพัฒนาบุคลากรด้านการตลาดเพื่อสร้างสังคมของนักการตลาดพันธุ์แท้และยกระดับมาตรฐานของนักการตลาดไทยให้ก้าวสู่ระดับสากล โดยโครงการนี้ได้เปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษาระดับปริญญาตรีระดับชั้นปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ขึ้นไป ไม่จำกัดคณะและสาขา ได้เข้าร่วมเรียนรู้ทักษะและวิธีการทำงานของนักการตลาด ผ่านการอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติแบบเข้มข้น เจาะลึก พร้อมพัฒนาทักษะการตลาดในด้านต่าง ๆ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอนาคตได้ ไม่ว่าจะเป็น Principle Marketing and Branding, Marketing Trends, Technology & Tool, Soft Skills, Marketing Plan และ Career Guideเป็นระยะเวลา 2 เดือน โดยมีนิสิต นักศึกษาเข้าร่วมโครงการจำนวน 80 คน จาก20 สถาบัน โดยมีนักศึกษาที่ได้รับการคัดเลือกผ่านเกณฑ์จำนวน 67 คน จาก 19สถาบันทั่วประเทศ”   คุณสุขวสา ภูชัชวนิชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัดกล่าวว่า “พันธุ์ไทยมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมส่งเสริมการศึกษาให้กับเยาวชนไทย โดยให้การสนับสนุนตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาถึงอุดมศึกษามาโดยตลอด เช่น การก่อตั้งศูนย์ฝึกทักษะอาชีพร่วมกับโรงเรียนหอวัง ภายใต้ ‘โครงการบาริสต้าน้อย’ ให้น้อง ๆ ได้ฝึกฝนทักษะการประกอบอาชีพบาริสต้าภายในร้านกาแฟพันธุ์ไทย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการค้นหาความสนใจและความถนัดของตนเอง ความร่วมมือกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในโปรเจกต์ ‘CBS Lounge by PTG’ เพื่อให้นักศึกษาได้พัฒนาทักษะการบริหารจริง ต่อยอดสู่การเป็นนักธุรกิจในอนาคต รวมถึงการมอบโอกาสให้กับเด็กและเยาวชนที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของศาลเยาวชนจังหวัดชลบุรี ได้เรียนรู้การเป็นบาริสต้าในโครงการ ‘สร้างอาชีพ ปั้นบาริสต้า กับกาแฟพันธุ์ไทย’ เพื่อให้สามารถนำไปประกอบอาชีพ ได้อยู่ร่วมกับครอบครัวและและดำเนินชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุข”   “สำหรับโครงการนี้ ทางพันธุ์ไทยได้มอบโจทย์แผนการตลาด พร้อมให้คำปรึกษาแก่น้องๆ นิสิต นักศึกษาในระหว่างการทำแผน รวมถึงประเมินผลและให้คำแนะนำต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมความพร้อมในสายงานด้านการตลาด ได้นำความรู้มาประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการทำงานจริงในอนาคตพร้อมก้าวสู่การเป็นนักการตลาดที่ประสบความสำเร็จ และสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยต่อไป”   น้องไนน์ ภานุพงศ์ กิ่งทอง ตัวแทนนักศึกษาชั้นปีที่ 4 จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา กล่าวถึงประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการนี้ และความประทับใจที่มีต่อพี่ๆ ทีมพันธุ์ไทยว่า “ส่วนตัวค่อนข้างทานกาแฟของพันธุ์ไทยบ่อย โดยเมนูหลักๆ ที่ชอบทานคือจี๊ดกาแฟ ที่ใส่ส้มมะปี๊ด เลยทำให้อยากทำแผนของพันธุ์ไทยมาตั้งแต่แรกเริ่ม และคิดว่าน่าจะทำออกมาได้ดี ซึ่งทางพันธุ์ไทยได้ให้โจทย์ที่ท้าทายมาก เพราะตั้งแต่แข่งขันทำแผนมา ยังไม่เคยทำโจทย์นี้เลย ต้องขอบคุณพันธุ์ไทยที่ทำให้ผมได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ซึ่งตัวผมเองก็จัดเต็มทั้งประสบการณ์และไอเดีย จนได้แผนที่ได้ความร่วมมือร่วมแรงจากทุกคนจนถึงวัน Final Pitching ซึ่งไม่คิดว่าจะมีผู้บริหารมาร่วมรับฟังด้วย แต่เรื่องที่เซอร์ไพรส์ไปกว่านั้น คือพี่ๆ มาร่วมพูดคุยกับทั้งทีมแบบส่วนตัว รับฟังคนรุ่นใหม่ และที่สำคัญไม่ถือตัวเลยเรียกได้ว่าประทับใจสุดๆ ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานอีก ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งมากๆ ที่จะได้ร่วมงานกับพันธุ์ไทยครับ”   น้องพิ้น นางสาวจุติกานต์ ขันกฤษณ์ กำลังจะจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน กล่าวว่า   เกี่ยวกับ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด กาแฟพันธุ์ไทย เป็นหนึ่งในธุรกิจ Non-Oil ในเครือบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ผู้ให้บริการสถานีน้ำมันพีที กาแฟพันธุ์ไทยเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2555 ปัจจุบันก้าวเข้าสู่ปีที่ 12 เปิดให้บริการกว่า 1,100 สาขาทั่วประเทศ ด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์ที่มีอัตลักษณ์และเสน่ห์ของความเป็นไทย มี Brand DNA ที่สะท้อนความเป็นไทยอย่างชัดเจน พันธุ์ไทยใช้เมล็ดกาแฟอาราบิก้าแท้ 100 % จากภาคเหนือของไทย โดดเด่นด้วยเมนูเครื่องดื่มที่รังสรรค์จากวัตถุดิบคุณภาพ รสชาติอร่อยไม่เหมือนใครและหาทานได้ยาก พร้อมสนับสนุนเกษตรกร ให้ ‘อยู่ดีมีสุข’ โดยการจัดหาวัตถุดิบท้องถิ่นจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย เช่น น้ำตาลดอกมะพร้าวจากอัมพวา ตาลโตนดจาก จากสงขลา ส้มมะปี๊ด จากจันทบุรี ชาอัสสัม จากน่าน เป็นต้น ควบคู่การอนุรักษ์ธรรมชาติและดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน   เกี่ยวกับ โครงการอบรมพิเศษ “นักการตลาดรุ่นเยาว์ หรือ Marketing Trainee   เป็นโครงการอบรมพิเศษ เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับนักการตลาดรุ่นเยาว์ จำนวน 70-80คน/ปี ตอบโจทย์นิสิต นักศึกษาที่กำลังจะจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากทุกสถาบันทั่วประเทศ ก่อนเข้าสู่โลกการทำงานจริง โดยจะได้รับความรู้ ประสบการณ์ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านการตลาดระดับประเทศ และยังมีโอกาสได้สร้าง Connection กับผู้เข้าร่วมโครงการ และรุ่นพี่ที่เคยผ่านการเข้าร่วมโครงการ รวมกว่า 4,300 คน โดยภายในระยะเวลา 2 เดือน นักศึกษาจะได้เรียนรู้เพื่ออัพสกิลความรู้ด้านการตลาดและพัฒนาศักยภาพของตนเองผ่านการอบรมภาคทฤษฎี ซึ่งได้เรียนคอร์สเรียนทางการตลาดรวมทั้งสิ้น 20 หลักสูตร และการอบรมภาคปฏิบัติ ที่ได้ลงมือทำแผนการตลาดจริงกับเพื่อนในทีมให้กับสปอนเซอร์ของโครงการฯ โดยมีพี่ ๆ Mentor ในการดูแลและให้คำปรึกษาให้แผนการตลาดสมบูรณ์และโดดเด่นมากยิ่งขึ้น เพื่อนำเสนอแบบเต็มรูปแบบต่อหน้า
อ่านต่อ
“กาแฟพันธุ์ไทย” และ “คอฟฟี่ เวิลด์” ร่วมงาน “ประกาศเจตนารมณ์ ยกระดับการดำเนินงานมุ่งสู่เป้าหมาย Thailand Net Zero 2065”
“กาแฟพันธุ์ไทย” และ “คอฟฟี่ เวิลด์” ร่วมงาน “ประกาศเจตนารมณ์ ยกระดับการดำเนินงานมุ่งสู่เป้าหมาย Thailand Net Zero 2065” เนื่องในวันปลอดถุงพลาสติกสากล (International Plastic Bag Free Day) จัดโดย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ ผู้ประกอบการร้านกาแฟที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเครือข่ายภาคเอกชน จำนวน 45 หน่วยงาน ประกอบด้วย เครือข่ายผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ร้านสะดวกซื้อ ผู้ประกอบการร้านกาแฟที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เครือข่ายสมาคมฯ และหน่วยงานสนับสนุน รวม 31,637 สาขาทั่วประเทศ โดยใช้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ พร้อมส่งเสริมการใช้บรรจุภัณฑ์และการบริโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงรณรงค์ให้ผู้คนทั่วโลกลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง งดใช้ถุงพลาสติก หันมาใช้ถุงผ้าหรือถุงกระดาษแทน เพื่อแก้ไขปัญหาขยะพลาสติก ซึ่งส่งผลเสียอย่างมากต่อสิ่งแวดล้อม โดยภายในงาน พันธุ์ไทยได้นำเสนอ “กาแฟแคปซูลพันธุ์ไทย” ในรูปแบบ Home Compostable เป็นแบรนด์แรกของไทย มาพร้อมบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากกระดาษรีไซเคิล 100% เรียกได้ว่า ทุกชิ้นส่วนผลิตจากธรรมชาติ ไม่เหลือเป็นขยะตกค้าง (Zero Waste)  และสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ  ซึ่งนอกจากจะได้ดื่มด่ำกาแฟพิเศษรสชาติพรีเมียมได้ง่ายๆ ที่บ้านหรือที่ทำงานแล้ว ยังมีส่วนช่วยลดขยะ ลดการสร้างมลพิษ อันเป็นสาเหตุของวิกฤตภาวะโลกร้อนอีกด้วย
อ่านต่อ
ผู้โชคดีจากแคมเปญ Big Birthday ฉลอง 12 ปี พันธุ์ไทย แจกใหญ่ พี่ไทให้โชค
แสดงความยินดีกับผู้โชคดีจากแคมเปญ Big Birthday ฉลอง 12 ปี พันธุ์ไทย แจกใหญ่ พี่ไทให้โชค ทุกท่านด้วยนะครับ ตรวจสอบรายชื่อและเบอร์สมาชิก Max Card Plus/Max Card Plus EV ที่ได้รับรางวัลที่ https://bit.ly/3XVtcew   เงื่อนไขการรับรางวัล -ผู้ได้รับรางวัลทุกท่านจะต้องยืนยันสิทธิ์ผ่านอินบ๊อกซ์เฟสบุ๊ก PunThai Coffee ภายในวันที่ 11 ตุลาคม 2567 โดยส่งสำเนาบัตรประชาชน และเบอร์โทรมาทางอินบ๊อกซ์เฟสบุ๊ก PunThai Coffee ภายในวันที่ 11 ตุลาคม 2567 - หากไม่มีการยืนยันสิทธิ์ ภายในวันที่ 11 ตุลาคม 2567 ถือว่าเป็นการสละสิทธิ์โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า - การติดต่อรับของรางวัลด้วยตนเอง ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลทั้งที่มีภูมิลำเนาในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัดต้องนำหลักฐานสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน 1 ชุด มาเป็นหลักฐาน ในการขอรับรางวัลด้วยตนเอง ที่ บริษัท พีเอ็กซ์ มีเดีย โซลูชั่น จำกัด บ้านเลขที่ 976/13 อาคารภานท์ ชั้น 3 ซอยโรงพยาบาลพระราม 9 ถนนริมคลอง สามเสน แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310 ในวันและเวลาทำการภายใน 30 วัน นับแต่วันประกาศผลรางวัล - การติดต่อรับของรางวัลโดยมอบอำนาจให้ผู้อื่นมารับแทน ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลสามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นมารับแทนได้ โดยผู้รับมอบต้องนำเอกสารมอบอำนาจ และบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของเจ้าของรางวัลอย่างละ 1 ชุด มาเป็นหลักฐาน ที่ บริษัท พีเอ็กซ์ มีเดีย โซลูชั่น จำกัด บ้านเลขที่ 976/13 อาคารภานท์ ชั้น 3 ซอยโรงพยาบาลพระราม 9 ถนนริมคลอง สามเสน แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310 ในวันและเวลาทำการภายใน 30 วัน นับแต่วันประกาศผลรางวัล -หากไม่สามารถมารับด้วยตนเองหรือมอบอำนาจให้ผู้อื่นมารับแทนได้ สามารถส่งหลักฐานสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน 1 ชุด และส่งที่อยู่เพื่อให้บริษัทดำเนินการส่งของรางวัลไปให้ตามที่อยู่ที่แจ้งได้ โดยค่าใช้จ่ายในการขนส่งของรางวัลผู้โชคดีจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด และหากไม่มีผู้มารับของรางวัลตามระยะเวลาที่กำหนดทางบริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด จะมอบของรางวัลดังกล่าวไว้กับองค์กรต่อไป - ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลมูลค่า 1,000 บาท ขึ้นไป จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 5 % ของมูลค่ารางวัล ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 4/2528 ลงวันที่ 26 กันยายน 2528 ประกอบคำสั่งกรมสุรรพากร ที่ ท.ป. 104/2544 ลงวันที่ 15 กันยายน 2544
อ่านต่อ
พันธุ์ไทยพาคู่รักเที่ยวเทศกาลบอลลูนนานาชาติ
ใครอยากไปดูบอลลูนที่สิงห์ปาร์คเชียงรายห้ามพลาด    พันธุ์ไทยพาคู่รักเที่ยวเทศกาลบอลลูนนานาชาติ เพียงถ่ายรูปคู่สุดอร่อยกับเมนูเวรีมัทฉะพร้อมคนรู้ใจ (คู่รัก/เพื่อน/พี่น้อง/ครอบครัว) แล้วบอกเหตุที่อยากจะไป International Balloon Fiesta ที่สิงห์ปาร์ค จ.เชียงราย 10 คอมเมนต์ถูกใจกรรมการรับฟรี แพ็กเกจ Punthai Exclusive Tour "Singha Park Chiangrai International Balloon Fiesta 2024” วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 ไปเลย   กติการ่วมสนุก ถ่ายรูปคุณคู่กับคนรู้ใจ (เพื่อน / แฟน / ครอบครัว) พร้อมเมนูมัทฉะพันธุ์ไทยที่คุณชอบ  โพสต์ภาพในคอมเมนต์ใต้โพสต์กิจกรรม พร้อมแคปชันบอกเหตุผล “ทำไมถึงอยากไป International Balloon Fiesta 2024”  ภาพและคอมเมนต์ของใครโดนใจกรรมการ รับรางวัลไปเลย  ร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2567 - 4 กุมภาพันธ์ 2567    รายละเอียดของรางวัล  Package Punthai Exclusive Tour "Singha Park Chiangrai International Balloon Fiesta 2024”  มูลค่ารางวัลละ 5,300 บาท (รางวัลละ 2 ท่าน) จำนวน 10 รางวัล ประกอบไปด้วย บัตรเข้าชมงานวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 มูลค่า 200 บาท/วัน/คน  ฟาร์มทัวร์ 150 บาท/คน/รอบ  อาหารและเครื่องดื่มที่ร้านภูภิรมย์ 1,200 บาท/คน  บัตรเข้าร่วมกิจกรรมภายในงาน    1.) ซิปไลน์ 300บาท/คน/รอบ     2.) ขับรถ ATV  800 บาท/คน/รอบ หรือ E-Scooter 300 บาท/คน/รอบ หรือ จักรยานไฟฟ้า 300 บาท/คน/รอบ *ไม่รวมค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ตั๋วเครื่องบิน รถ และ ที่พัก —————————————————————————  *ประกาศผลผู้โชคดี วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 ทางหน้าเพจเฟสบุ๊ก PunThai Coffee โดยผู้ได้รับรางวัลจะต้องยืนยันสิทธิ์มาทางอินบ๊อกซ์ภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567
อ่านต่อ
พี่ไทชวนเพื่อนตาดีมาเล่นเกม ‘Spot The Bad Beans’ กัน เมล็ดกาแฟดริปคอลเลกชันพิเศษของพันธุ์ไทย
พี่ไทชวนเพื่อนตาดีมาเล่นเกม ‘Spot The Bad Beans’ กัน เมล็ดกาแฟดริปคอลเลกชันพิเศษของพันธุ์ไทย บ่มเพาะทุกเมล็ด ด้วยวิธีที่ ‘Organic’ ที่สุด ไร้สารตกค้าง แต่ทว่า... ในอัลบั้มนี้ มีกาแฟจากที่อื่นแอบมาด้วย! ดังนั้น เพื่อนคนไหนตาดี ตาไว ช่วยพี่ไทหาให้เจอ 10 คนแรก ที่สามารถคอมเมนต์บอกจำนวนเมล็ดเสียทั้งหมดได้ถูกต้อง รับไปเลยเสื้อยืด ‘พันธุ์ไทยรักษ์โลก’ มูลค่า 350 บาท จำนวนทั้งหมด 10 รางวัล รางวัลละ 1 ตัว เสื้อยืดสุด Exclusive นี้ไม่มีขาย ใครอยากได้มาร่วมสนุกกัน ร่วมสนุกง่ายๆ เพียงคอมเมนต์บอกว่าคุณเจอเมล็ดเสียจำนวนกี่เมล็ด *ร่วมสนุกได้ที่ คลิก ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 - 10 ธันวาคม 2566 *ตัดสินผลการร่วมสนุกตามกติกาวันที่ 11 ธันวาคม 2566 *ประกาศผลวันที่ 13 ธันวาคม 2566 ทางหน้าเพจเฟสบุ๊ก PunThai Coffee โดยผู้ได้รับรางวัลจะต้องยืนยันสิทธิ์มาทางอินบ๊อกซ์ภายในวันที่ 18 ธันวาคม 2566   เงื่อนไขการร่วมกิจกรรม: *ผู้ร่วมกิจกรรมสามารถร่วมสนุกได้มากกว่า 1 ครั้ง แต่มีสิทธิ์รับรางวัลเพียง 1 รางวัลเท่านั้น *ผู้ได้รับรางวัลจะต้องยืนยันสิทธิ์โดยการส่ง ชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรและที่อยู่ มาทางอินบ๊อกซ์เฟสบุ๊ก PunThai Coffee ภายในวันที่ 18 ธันวาคม 2566 (หากลบหรือแก้ไขโพสต์และคอมเมนต์ถือเป็นการสละสิทธิ์ทันที) หากไม่มีการยืนยันสิทธิ์ ภายในวันที่กำหนด ถือว่าเป็นการสละสิทธิ์โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า และจะยกสิทธิ์ให้กับผู้มีสิทธิ์ท่านอื่น *บริษัทฯ ผู้จัดกิจกรรมและตัวแทนจะมีการจัดเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อวัตถุประสงค์ในการตัดสินรางวัล ยืนยันตัวตนและจัดส่งของรางวัลหากท่านเป็นผู้ชนะ *ผู้ร่วมกิจกรรมไม่สามารถเรียกร้องค่าตอบแทน, ค่าเสียหาย หรือสิ่งใดๆ จาก บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด ไม่ว่าทางแพ่ง หรือทางอาญา *พนักงานของ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด และในเครือ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) รวมทั้งเอเจนซี่ตัวแทนของกาแฟพันธุ์ไทย ที่มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมหรือผลิตสื่อการตลาดไม่มีสิทธิเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ *คำตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุดและขอสงวนสิทธิ์ในการตัดสิทธิ์ผู้ร่วมกิจกรรมที่ทำตามกติกาไม่ถูกต้อง โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า *ของรางวัลไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นเงินหรือโอนสิทธิ์ให้ผู้อื่นได้ *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด โดยบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง แก้ไข เพิ่มเติมเงื่อนไขในกติกาต่างๆ โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
อ่านต่อ
หรอยเบอร์แรงงงง แจกรางวัลก็แรงงงงงง!
หรอยเบอร์แรงงงง แจกรางวัลก็แรงงงงงง!เมนูหรอยแรงสุดว้าว เก็บอาการไม่ไหวอยากบอกให้เพื่อนชาวพันธ์ไทยรู้สั่ง 3 ม่วงเบาสงขลา เมนูไหนก็ได้ (ม่วงเบาปั่น ม่วงเบากาแฟ ม่วงเบาซ่า)แล้วมาเซลฟี่รีแอคหรอยแรงไปพร้อมกัน  กติกาการร่วมสนุก1.ซื้อเมนูมะม่วงเบาอะไรก็ได้ (ม่วงเบาปั่น, ม่วงเบากาแฟ, ม่วงเบาซ่า) ที่พันธุ์ไทยถ่ายรูปเซลฟี่รีแอค “หรอยเว๊อร์” โพสใต้คอมเมนต์นี้ พร้อมบรรยายว่าชอบเมนูนี้เพราะอะไรอย่าลืมติดแฮชแท็ก #หรอยแรงม่วงเบา #พันธุ์ไทย2. กด Like เพจ PunThai Coffee พร้อม Share โพสต์นี้แบบสาธารณะ3. โพสของใครถูกใจพี่ไทย์ พี่ไทย์สุ่มแจก “เสื้อหรอยแรงม่วงเบา” (จำนวน 10 รางวัล)หรือ “Gift Voucher 100 บาท” (จำนวน 10 รางวัล) ร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันนี้ - 14 ก.ย. 66 ประกาศรายชื่อผู้โชคดีวันที่ 18 ก.ย. 66 *ผู้โชคดียืนยันตัวตนผ่าน Inbox ภายในวันที่ 21 ก.ย. 66*คำตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด*ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขและของรางวัลโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
อ่านต่อ
พันธุ์ไทยเผยเทคนิค บริหารแฟรนไชส์อย่างไร ให้ได้ใจผู้บริโภค
พันธุ์ไทยเผยเทคนิค บริหารแฟรนไชส์อย่างไร ให้ได้ใจผู้บริโภค วันศุกร์หลังเลิกงาน ขอชวนทุกคนมาร่วมเติมความรู้ดีๆ กันที่งาน TFBO 2024 พบกับ คุณอนันต์ รัตนมั่นคง Vice President Food & Beverage Services Group บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด ที่จะมาเผยเคล็ดลับที่ทำให้กาแฟพันธุ์ไทยเติบโต และเป็นแบรนด์กาแฟไทยที่ทุกคนชื่นชอบ วันศุกร์ที่ 12 ก.ค. 67 เวลา 17.00 – 17.45 น.   แวะเติมความสดชื่นกับเครื่องดื่มจากพันธุ์ไทย พร้อมพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านแฟรนไชส์ที่จะมาให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจร่วมเป็นครอบครัวเดียวกันกับพันธุ์ไทย ตั้งแต่วันที่ 11 - 14 กรกฎาคม 2567 เวลา 10.00 - 19.00 น. ที่ฮอลล์ EH 104 บูธ Y2 ไบเทค บางนา สนใจแฟรนไชส์พันธุ์ไทย โทร. 1614 หรือ Add Line @punthaifc bit.ly/3M14MM1
อ่านต่อ
อยากเปิดแฟรนไชส์ร้านกาแฟกับพันธุ์ไทย ต้องเริ่มต้นอย่างไร?
อยากเปิดแฟรนไชส์ร้านกาแฟกับพันธุ์ไทย ต้องเริ่มต้นอย่างไร?   หลายคนอยากเป็นเจ้าของกิจการ ไม่อยากทำงานประจำไปจนเกษียณ แต่จะมีวิธีไหนบ้างนะ ที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้แบบก้าวกระโดด คำว่า “แฟรนไชส์” น่าจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่จะเกษียณก่อนอายุ 60 ได้ วันนี้พันธุ์ไทยจะมาบอกต่อความความปัง หากคุณเปิดแฟรนไชส์ร้านกาแฟกับพันธุ์ไทยต้องทำอะไรบ้าง step by step และผลตอบแทนที่คุณจะได้รับแบบเกินคาด!     พันธ์ุไทยแฟรนไชส์   ก่อนจะเริ่มเรื่อง ขอเกริ่นก่อนว่าพันธุ์ไทยแฟรนไชส์น่าลงทุนอย่างไร ทำไมการลงทุนธุกิจแฟรนไชส์กับพันธุ์ไทยถึงคุ้มค่าที่จะลอง เพราะทุกวันนี้มีหลายแบรนด์มากที่เปิดให้ซื้อแฟรนไชส์ร้านกาแฟ ไม่ว่าจะเป็นแบบแฟรนไชส์แบบสแตนด์อโลนหรือเป็นตู้หยอดเหรียญ แต่บางแบรนด์ก็ต้องการผู้ที่มีพื้นฐานทางด้านธุรกิจมาบ้างแล้ว แต่พันธุ์ไทยแฟรนไชส์นอกจากจะลงทุนง่ายแสนง่ายแล้ว ผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ในด้านเปิดแฟรนไชส์ร้านกาแฟหรือร้านขายของเลยก็สามารถลงทุนแฟรนไชส์กับเราได้ นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำอีก รู้แบบนี้แล้วจะลังเลอีกทำไม เริ่มเลย!   1.ลงทุนง่าย เติบโตไปกับพันธุ์ไทย คุ้มค่าการลงทุน   การเป็นแฟรนไชส์ของพันธุ์ไทยนั้น ไม่ต้องลงทุนสูงมาก แต่ยังได้รับสิทธิประโยชน์และการสนับสนุนอย่างครบวงจรจากบริษัทแม่ ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาธุรกิจให้เติบโตไปพร้อมกับแบรนด์ชั้นนำอย่างพันธุ์ไทยได้   2. ไม่มีประสบการณ์ก็เปิดร้านได้   แม้ผู้สนใจจะไม่มีประสบการณ์ด้านกาแฟหรือร้านค้ามาก่อน แต่พันธุ์ไทยก็พร้อมให้คำปรึกษาและสนับสนุนในทุกด้าน ตั้งแต่การคัดเลือกทำเลที่ตั้ง การออกแบบร้าน จนถึงการบริหารจัดการ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเปิดแฟรนไชส์และดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นใจ   3. พร้อมผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษาในการดำเนินกิจการ   นอกจากการสนับสนุนด้านต่างๆ แล้ว พันธุ์ไทยยังมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาและแนะนำในการดำเนินกิจการ ตั้งแต่การเตรียมความพร้อมเปิดร้าน จนถึงการบริหารจัดการทั้งด้านการตลาด การจัดการสินค้า และการบริการลูกค้า เพื่อให้แฟรนไชส์ประสบความสำเร็จ   4. ทราบผลการพิจารณาเร็ว   ขั้นตอนการสมัครเป็นแฟรนไชส์ของพันธุ์ไทยนั้น รวดเร็วและมีความชัดเจน เมื่อผู้สนใจยื่นเรื่องสมัครจะสามารถทราบผลการพิจารณาได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้ตัดสินใจและเริ่มดำเนินธุรกิจได้ทันที     5 รูปแบบโมเดลพันธุ์ไทยแฟรนไชส์   พันธุ์ไทยมีหลากหลายรูปแบบโมเดลแฟรนไชส์ให้ผู้สนใจเลือกตามความพร้อมและความต้องการส่วนบุคคล ความหลากหลายของรูปแบบแฟรนไชส์น่าลงทุนนี้จะช่วยให้ผู้สนใจสามารถเลือกรูปแบบที่เหมาะสมกับเงินทุน พื้นที่ และรูปแบบที่ต้องการได้ ซึ่งจะช่วยให้การเริ่มต้นธุรกิจกาแฟกับพันธุ์ไทยเป็นไปอย่างราบรื่น และประสบความสำเร็จในอนาคต     1. Kiosk   - พื้นที่เริ่มต้น 9 ตารางเมตร - เงินลงทุนประมาณ 1.30 ล้านบาท - เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นที่จำกัด แต่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์กาแฟ     2. Food Trailer   - พื้นที่เริ่มต้น 9 ตารางเมตร - เงินลงทุนประมาณ 1.58 ล้านบาท - เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการธุรกิจแฟรนไชส์เคลื่อนที่ที่สามารถย้ายร้านกาแฟได้ แต่จำเป็นต้องใช้รถบรรทุกในการลากเพื่อไปขายตามสถานที่ต่างๆ     3. Food Truck   - พื้นที่เริ่มต้น 9 ตารางเมตร - เงินลงทุนประมาณ 1.68 ล้านบาท - เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการธุรกิจแฟรนไชส์เคลื่อนที่เช่นเดียวกับ Food Trailer ต่างกันตรงที่เราไม่ต้องใช้รถบรรทุกในการลากเพื่อเคลื่อนที่ เพราะเราสามารถขับ Food Truck ไปตามสถานที่ต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง     4. Build in   - พื้นที่เริ่มต้น 35 ตารางเมตร - เงินลงทุนประมาณ 2.03 ล้านบาท - เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพื้นที่ขนาดกลาง ซึ่งเป็นรูปแบบตั้งอยู่ในอาคาร จึงสามารถรองรับลูกค้าได้มากชึ้น     5. Stand Alone   - พื้นที่เริ่มต้น 40 ตารางเมตร - เงินลงทุนประมาณ 2.50 ล้านบาท - เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่ ซึ่งรูปแบบสาขาที่ตั้งเป็นอิสระ รูปแบบนี้สามารถรองรับลูกค้าได้มากที่สุด     ขั้นตอนสู่ธุรกิจแฟรนไชส์กับพันธ์ุไทย     เป็นเจ้าของแฟรนไชส์กับพันธุ์ไทยได้ง่ายเพียง 4 ขั้นตอน   1. ส่งใบสมัครและผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการ ระยะเวลาการในการดำเนินการ 30 วัน 2. เซ็นใบจองและชำระค่าจองสิทธิ์ ชำระภายใน 7 วันหลังจากได้รับสิทธิ์ 3. ออกแบบและก่อสร้างร้านออกแบบ: ใช้เวลาในการออกแบบประมาณ 14-30 วัน ก่อสร้างร้านใช้เวลาประมาณ 30-45 วัน 4. อบรมหลักสูตรกาแฟพันธุ์ไทย: อบรมหลักสูตรทฤษฏีใช้เวลา 4 วัน, อบรมหลักสูตรปฏิบัติใช้เวลา 12 วัน   ข้อแนะนำเลือกทำเลเปิดร้านแฟรนไชส์   1. อยู่ใกล้แหล่งชุมชนและกลุ่มเป้าหมาย อยู่ใกล้ชุมชน, ออฟฟิศ-สำนักงาน, สถานที่ราชการ และใกล้กลุ่มเป้าหมาย เช่น กลุ่มพนักงานออฟฟิศ กลุ่มลูกค้าสัญจร   2. สามารถขายได้ทั้งวัน ขายได้ทั้งวัน (เช้า, กลางวัน, เย็น) หรืออย่างน้อย 2 ช่วงเวลา (เช้า, กลางวัน)   3.ตั้งอยู่บนถนนสายหลัก สามารถมองเห็นได้ง่าย ร้านต้องไม่มีสิ่งกีดขวางบัง และห่างจากสาขาใกล้เคียงอย่างน้อย 2 กิโลเมตร (กรุงเทพ 2 กิโลเมตร, ต่างจังหวัด 5 กิโลเมตร)   4. มีพื้นที่จอดรถสำหรับลูกค้าและผู้ส่ง Delivery มีพื้นที่จอดรถมอเตอร์ไซค์สำหรับผู้ส่ง Delivery และอยู่ในพื้นที่ Delivery Service   คุณสมบัติผู้สมัครแฟรนไชส์   1. มีความพร้อมด้านการลงทุน 2. มีเวลาบริหารร้านและมีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจ 3. มีใจรักบริการและมีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจ 4. ต้องจดทะเบียนนิติบุคคล ที่จดทะเบียนในประเทศไทยเท่านั้น 5. ต้องเข้าอบรมในหลักสูตรที่กาแฟพันธุ์ไทยกำหนด และผ่านการทดสอบของธุรกิจพันธุ์ไทย 6. มีความเข้าใจและสามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และมาตรฐานที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด   หากซื้อแฟรนไชส์กับพันธุ์ไทย จะได้อะไรบ้าง?   1. สิทธิในการใช้เครื่องหมายการค้ากาแฟพันธุ์ไทย 2. สำรวจและประเมินทำเลพื้นที่เปิดร้าน 3. การออกแบบร้านสาขาและการตกแต่งร้านสาขา 4. อบรมการบริหารจัดการร้าน และพนักงาน 5. ทีมงานดูแลเปิดร้านสาขา 6. คู่มือการปฏิบัติงานและการบริหารจัดการร้าน 7. ส่งเสริมการขายและการตลาด 8. การคิดค้นสูตรเครื่องดื่มใหม่ 9. ทีมงานช่วยดูแลการจัดการร้าน พัฒนายอดขายตลอดอายุสัญญา 10. ระบบเครื่องบันทึกเก็บเงินสด (POS) และระบบสั่งซื้อสินค้า 11. การตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานของสาขา 12. ร่วมกับธนาคารชั้นนำในการหาสินเชื่อสำหรับแฟรนไชส์   ถึงแม้การเปิดแฟรนไชส์ร้านกาแฟจะไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปล่อยปะละเลยแล้วสามารถประสบความสำเร็จได้ในทันที ผู้สนใจลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและพิจารณาให้รอบคอบถึงความเหมาะสมของตนเองต่อโมเดลแฟรนไชส์ต่างๆ รวมไปถึงสามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐานที่กำหนดโดยบริษัทฯอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้พันธุ์ไทยจะคอยดูแลพร้อมสนับสนุนในทุกย่างก้าว เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างมั่นคงไปพร้อมๆ กัน อ่านบทความเกี่ยวกับธุรกิจแฟรนไชส์พันธุ์ไทยเพิ่มเติมได้ที่บล็อกพันธุ์ไทย
อ่านต่อ