เจาะประโยชน์ชาอัสสัม "ชาน่าน" สรรพคุณใบชาไทยชั้นดีจากไร่ออร์แกนิค
ชาอัสสัมคือชาอะไรกันนะ เคยได้ยินแต่ชาดำ ชาแดง ชาเขียว ชาอู่หลง วันนี้พันธุ์ไทยจะมาไขข้อสงสัย “ชาอัสสัม” รวมไปถึงเจาะลึกประโยชน์ของชาอัสสัม หรือ “ชาน่าน” สรรพคุณที่มากล้นแบบที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้มาก่อน อีกทั้งยังขนขบวนเมนูชาอัสสัมของพันธุ์ไทย ผลผลิตที่ปลูกโดยเกษตรกรไทยในจังหวัดน่าน
ความเป็นมาของชาอัสสัมหรือชาน่าน
ชาอัสสัมเป็นชาที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดยต้นชาสายพันธุ์อัสสัม (Camellia Sinensis var assamica) เป็นพืชที่ปลูกในรัฐอัสสัม ของประเทศอินเดีย ซึ่งชาอัสสัมจะต้องปลูกในพื้นที่มีระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล และเหมาะกับการปลูกในภูมิประเทศเขตร้อน ส่งผลให้ชาอัสสัมมีรสชาติเข้มข้น และชามีสีสว่างสดใส ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ชาอัสสัมเป็นที่รู้จักจากทั่วโลกนั่นเอง
ประวัติการปลูกชาอัสสัมในภาคเหนือของไทย
หลายคนอาจไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วการปลูกชาในไทยเป็นที่นิยมพอๆ กับการปลูกเมล็ดกาแฟบนดอย เกริ่นก่อนว่าการปลูกชาจะสามารถเพาะปลูกได้ดีในภูมิประเทศเขตอบอุ่นและมีฝน จึงนิยมปลูกอยู่ในแถบเอเชียได้แก่ จีน อินเดีย และศรีลังกา และสามารถปลูกได้ดีในพื้นที่ที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1,000 – 2,000 เมตร สำหรับการปลูกชาในประเทศไทย จะนิยมปลูกในภาคเหนือ โดยปลูกมากที่สุดในจังหวัดเชียงราย รองลงมา ได้แก่ เชียงใหม่ แพร่ น่าน และแม่ฮ่องสอน ซึ่งเมื่อก่อน ประเทศไทยมีการปลูกชาสายพันธุ์จีนมาก่อน แต่ปัจจุบันการปลูกชาสายพันธุ์อัสสัมในไทยมีมากกว่าการปลูกชาสายพันธุ์จีนเสียอีก โดยตั้งแต่ปี 2558 ผลผลิตชาอัสสัมของไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในปี 2562 ไทยสามารถผลิตชาอัสสัมได้มากกว่าร้อยละ 90 ของชาทั้งหมด
ตำนานของชาอัสสัม จ.น่าน ที่สืบทอดมากว่า 100 ปี
ชาอัสสัมหรือชาน่านมีต้นกำเนิดมาจากแถบประเทศอินเดีย โดยได้รับการนำเข้ามาปลูกในจังหวัดน่านเมื่อประมาณ 100 กว่าปีที่ผ่านมา ในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ตำนานกล่าวว่าในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ขุนนางชาวน่านได้เดินทางไปราชการที่จังหวัดเชียงรายและสังเกตเห็นต้นชากำลังออกดอกบานสะพรั่ง จึงนำส่วนหนึ่งของต้นติดตัวกลับมาปลูกที่จังหวัดน่าน แรกเริ่มอาจปลูกเป็นพืชสวนครัวเพื่อรับประทานหรือใช้ประโยชน์เบื้องต้น
หลังจากนั้นชาอัสสัมก็เริ่มแพร่หลายและได้รับความนิยมจากชาวน่านในการปลูกไว้บริโภคในครัวเรือนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นพืชที่ปลูกง่าย แข็งแรงทนทาน รวมถึงมีประโยชน์ด้านสมุนไพร ชาวน่านจึงนิยมปลูกชาอัสสัมไว้รอบบริเวณบ้านเรือน
ต่อมาเมื่อมีการส่งเสริมการปลูกชาอัสสัมในวงกว้าง จึงค่อยๆ ขยายเป็นแปลงปลูกใหญ่และกลายเป็นพืชเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้กับชาวน่าน จนทำให้จังหวัดน่านกลายเป็นแหล่งผลิตชาอัสสัมที่สำคัญของประเทศไทย โดยมีชื่อเรียกเป็นพิเศษว่า "ชาน่าน" นั่นเอง
คุณสมบัติโดดเด่นของใบชาอัสสัม
ลักษณะทางกายภาพ รสชาติ และกลิ่นของใบชาน่าน
1. ลักษณะทางกายภาพ
- ใบ: ใบมีสีเขียวเข้มคล้ำ รูปทรงใบค่อนข้างใหญ่และกว้าง มีรอยหยักลึกรอบขอบใบ
- ลำต้น: หากโตเต็มวัย ต้นใหญ่จะสูงประมาณ 6-18 เมตร เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง-ใหญ่ ผิวลำต้นเรียบ กิ่งอ่อนปกคลุมด้วยขนอ่อน
- ดอก: ดอกจะออกติดกันเป็นกลุ่ม ช่อละประมาณ 2-4 ดอก กลีบเลี้ยงมีจำนวน 5-6 กลีบ แต่ละกลีบมีขนาดที่ไม่เท่ากัน มีรูปทรงที่โค้งมนยาว
- เมล็ด: ค่อนข้างกลม ผิวของเมล็ดเรียบ แข็ง มีสีน้ำตาล หรือ น้ำตาลอมแดง หรือน้ำตาลเข้มเกือบดำ
- ผล: มีลักษณะเหมือนแคปซูล เมื่อผลแก่เปลือกจะแตกออก
2. รสชาติและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์
- ใบชาน่านจะมีรสฉุนเฝื่อนและมีรสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย
- มีกลิ่นหอมกรุ่นเฉพาะตัว ค่อนข้างจะเข้มข้นและติดจมูก
- รสชาติของชาเมื่อต้มแล้วจะค่อนข้างเข้มข้นและมีความหนักแน่น
3. ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- ชาน่านที่ปลูกในพื้นที่จังหวัดน่านส่วนใหญ่เป็นการปลูกแบบออร์แกนิค ปราศจากสารเคมี
- กระบวนการปลูก การเก็บเกี่ยว และแปรรูปยังคงใช้วิธีการแบบดั้งเดิมที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ
6 เรื่อง ‘ที่สุด’ ของ ‘ชาอัสสัมพันธุ์ไทย’ จากน่าน
พันธุ์ไทยชวนลิ้มลอง ‘ชาอัสสัมพันธุ์ไทย’ จากน่าน ที่ปลูกโดยเกษตรกรไทยจังหวัดน่าน มีคุณสมบัติอันโดดเด่น ทั้งในเชิงกายภาพ รวมไปถึงรสชาติและกลิ่นของใบชา ชาดำสายพันธุ์อัสสัมที่ปลูกบนพื้นที่สูงในป่ากลางหุบเขาอันอุดมสมบูรณ์ และที่สำคัญเราเก็บเพียง 5 ใบแรกของยอดชาเท่านั้น ทำให้ได้ชาที่มีกลิ่นหอมชาคั่วและรสชาติที่เข้มข้นถึงใจ ยอดใบชาถูกส่งตรงถึงโรงงานแปรรูปที่อยู่ใกล้แหล่งปลูกแห่งเดียวในจังหวัดน่าน พิถีพิถันในการชงสดทุกแก้ว พิถีพิถันในการชงสดทุกแก้ว ทำให้ชาทุกแก้วของพันธุ์ไทยอุดมไปด้วยคุณภาพของใบชาที่ยอดเยี่ยมและไม่เหมือนใคร
1. ที่สุดของสายพันธุ์ชา
พันธุ์ไทยคัดสรรชาพรีเมียม สายพันธุ์อัสสัมมาอย่างตั้งใจ โดยเกษตรกรไทยในจังหวัดน่าน
2. ที่สุดของแหล่งปลูก
แหล่งปลูกที่อยู่ในป่าที่อุดมสมบูรณ์ของจังหวัดน่าน ทำให้ชาอัสสัมพันธุ์ไทยมีคุณลักษณะที่พิเศษกว่าใคร
3. ที่สุดของใบชา
เก็บเพียง 5 ใบแรกของยอดชาเท่านั้น เพื่อเป็นที่สุดของรสชาติและความเข้มข้น
4. ที่สุดของความสดใหม่
โรงงานแปรรูปที่อยู่ใกล้แหล่งปลูก จึงทำให้คงคุณภาพความสดใหม่ของใบชาได้อย่างดีเยี่ยม
5. ที่สุดของความพิถีพิถัน
ชาน่านของพันธุ์ไทยใส่ใจในทุกๆ แก้ว ด้วยการชงสด เพื่อดึงกลิ่นที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ในแบบของชาคั่ว
6. ที่สุดของความหลากหลาย
6 เมนู 6 คาแร็คเตอร์ของชาน่าน ที่รับรองว่า ไม่มีคำว่าซ้ำ! สร้างความไม่จำเจให้คุณได้ทุกวัน
1. ชาอัสสัมเบอร์รี่: หอม หวาน สดชื่นแบบเบอร์รี้เบอร์รี่
2. ชาอัสสัมยูซุ: เปรี้ยวจี๊ดโดนใจ หลงรักส้มยูซุเข้าเต็มเปา
3. ชาอัสสัมพีช: ความหวามอมเปรี้ยวของพีช เข้ากันสุดๆ กับความเข้มของชาน่าน
4. ชาอัสสัมบ๊วยมะนาว: ความเค็มของบ๊วย ตัดกับความเปรี้ยวของมะนาว กระชุ่มกระชวย ปลุกความสดชื่นได้ดี
5. ชาอัสสัมออริจินัลร้อน: ชาอัสสัมเพียวๆ ไม่มีอะไรผสม ได้รสสัมผัสของชาเข้มเต็มรสชา
6. ชาอัสสัมน้ำผึ้งมะนาวร้อน: ชาอัสสัมร้อนๆ กับน้ำผึ้งมะนาว ชุ่มคอ เติมความเปรี้ยวหวานให้ชีวิต
ประโยชน์ทางสุขภาพของชาอัสสัม สรรพคุณอันล้ำค่า
พอเราได้รู้ถึงที่มาของชาน่าน ชาอัสสัมพันธุ์ไทยอันมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นทั้งในเรื่องของคุณภาพ ความสดใหม่ และความพิถีพิถันของเมนูชาอัสสัมของพันธุ์ไทยแล้ว วันนี้เราจะมาลิสต์สรรพคุณของชาอัสสัม ที่ไม่ได้มีดีแค่รสชาติ แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย
1. ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด
งานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่า การดื่มชาอัสสัมบางชนิดอาจช่วยปกป้องผิวหนังจากรังสียูวีที่เป็นอันตราย โดยการลดอาการอักเสบจากแสงแดดเผาและความเสียหายของเซลล์ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ สารประกอบฟีนอลิกที่พบในชาอัสสัมยังอาจช่วยรักษาความยืดหยุ่นและชะลอวัยของผิวพรรณ ยิ่งไปกว่านั้น คาเฟอีนและแทนนินในชาอัสสัมมีสรรพคุณช่วยกระชับรูขุมขน ลดอาการบวมและทำให้ผิวพรรณกระจ่างใส
2. ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์
งานวิจัยได้ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของชาอัสสัมในการป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ในการทดลองได้แสดงให้เห็นว่าสารประกอบที่พบในชาดำเช่น ชาอัสสัมสามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์บางชนิดที่เกี่ยวข้องกับโรคสมองเสื่อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การศึกษาพบว่าชาดำยับยั้งกิจกรรมของเอนไซม์ เบต้าสีครีเตส ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้าอะมีลอยด์บีต้า ซึ่งบ่งชี้ว่าการบริโภคอาจช่วยชะลอความก้าวหน้าของโรคอัลไซเมอร์ได้
3. ช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร
งานวิจัยเบื้องต้นได้กล่าวว่าประโยชน์ของชาอัสสัมอาจช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหาร สารประกอบโพลีฟีนอลในชาดำอาจทำงานคล้ายกับพรีไบโอติกในทางเดินอาหารของคุณ ซึ่งพรีไบโอติกทำหน้าที่เป็นอาหารสำหรับแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้ ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโต และสร้างสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งสามารถนำไปสู่การย่อยอาหารที่ดีขึ้น
4. ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ
งานวิจัยจำนวนมากได้ชี้ให้เห็นสรรพคุณของชาอัสสัม ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ การทดลองพบว่า ผู้ที่ดื่มชาดำ 3 แก้วต่อวันมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจน้อยกว่า เนื่องจากในชาอัสสัมมีสารฟลาโวนอยด์ที่สูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและกระตุ้นภูมิคุ้มกัน สารเหล่านี้พบว่าช่วยปรับปรุงสุขภาพหัวใจโดยการลดการจับตัวเป็นก้อนของเลือด ลดการอักเสบ และปรับปรุงการทำงานของหลอดเลือด ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. ช่วยส่งเสริมให้สุขภาพของฟันและช่องปากแข็งแรง
ใบชาอัสสัมมีสารประกอบธรรมชาติที่เรียกว่าสารประกอบโพลีฟีนอล ซึ่งมีฤทธิ์ต้านจุลชีพ สารเหล่านี้สามารถช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในช่องปาก ลดความเสี่ยงของฟันผุและโรคเหงือกได้ นอกจากนี้ งานวิจัยบางชิ้นพบว่า ปริมาณฟลูออไรด์ในชาประเภทนี้อาจช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับฟันและช่วยป้องกันฟันผุได้อีกด้วย
6. ช่วยลดคอเรสเตอรอลในเลือด
งานวิจัยหลายงานพบว่าสารประกอบโพลีฟีนอลในชาอัสสัมมีสรรพคุณสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ สารเหล่านี้เชื่อว่าจะยับยั้งการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากทางเดินอาหาร และช่วยขับคอเลสเตอรอลออกจากร่างกาย
7. ช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต
ชาอัสสัมมีสรรพคุณช่วยควบคุมระดับความดันของโลหิต งานวิจัยได้เสนอว่าสารฟลาโวนอยด์ที่มีอยู่ในชาดำ รวมทั้งชาอัสสัม อาจนำไปสู่การควบคุมความดันโลหิตที่ดีขึ้น สารฟลาโวนอยด์เหล่านี้อาจปรับปรุงการทำงานของหลอดเลือด ส่งผลให้เกิดความยืดหยุ่นและการขยายตัวที่พึงประสงค์ ซึ่งช่วยคงรักษาระดับความดันโลหิตในระดับปกติได้
8. ช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง
ในงานวิจัยวิทยาศาสตร์ชิ้นหนึ่งได้ศึกษาเกี่ยวกับศักยภาพของชาอัสสัมที่มีสรรพคุณในการลดความเสี่ยงของมะเร็งบางชนิด การศึกษาพบว่าสารประกอบโพลีฟีนอลในชาดำอาจยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอก และเป็นไปได้ที่จะทำลายเซลล์มะเร็ง นอกจากนี้ชาอัสสัมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยในเรื่องของการปกป้องจากความเสียหายของเซลล์ที่เกิดจากอนุมูลอิสระอิสระอีกด้วย ชาอัสสัม ชาคุณภาพ ที่มีสรรพคุณอันแสนจะล้ำค่า รู้แบบนี้แล้ว ถามตัวเองว่าเคยลองดื่มชาอัสสัมกันแล้วหรือยัง? แต่ถ้ายัง จะรออะไรล่ะ ขอแนะนำมาลองชาอัสสัมพันธุ์ไทยน่านได้ที่ร้านพันธุ์ไทยทุกสาขา หรือเดลิเวอรีบริการจัดส่งถึงบ้านเลย สำหรับใครที่ไม่ใช่สายชา เรายังมีเมนูกาแฟและเมนูพันธุ์ไทยยอดนิยมอื่นๆ อีกเพียบ!
อ้างอิง:
https://www.dtn.go.th/th/file/get/file/1.20220412d41d8cd98f00b204e9800998ecf8427e103113.pdf