แชร์วิธีชงกาแฟให้อร่อยง่ายๆ ที่บ้าน เปลี่ยนบ้านให้เป็น Home Coffee
คอกาแฟหลายคนคงคิดเหมือนกันว่า หากต้องซื้อกาแฟจากคาเฟ่ทุกวัน คงจะเปลืองเงินไม่ใช่น้อย ไหนจะต้องเสียค่าส่ง หากสั่งเดลิเวอรี แถมอากาศก็ร้อน จะให้ออกมาซื้อกาแฟแก้วเดียวก็ใช่เรื่อง วันนี้พันธุ์ไทยมาเอาใจนักดื่มกาแฟ แชร์วิธีชงกาแฟอย่างไรให้อร่อยที่บ้านง่ายๆ เอาใจคอกาแฟร้อน กาแฟเย็น อเมริกาโน คาปูชิโน มอคค่า ลาเต้ และอื่นๆ อีกมากมาย ตามมาอ่านกันเลย!
ปัจจัยสำคัญในการชงกาแฟให้อร่อย
1. เลือกเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ
- เลือกใช้เมล็ดกาแฟพันธุ์อาราบิกา (Arabica) ซึ่งเป็นพันธุ์กาแฟคุณภาพดี มีกลิ่นหอมและรสชาติกลมกล่อมที่ดี
- ควรเลือกซื้อเมล็ดกาแฟจากร้านค้าที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น ร้านกาแฟชั้นนำ ซูเปอร์มาร์เกตชั้นนำ เป็นต้น
- เมล็ดกาแฟจะต้องบรรจุอยู่ในถุงสูญญากาศที่ปิดสนิท ยังไม่ถูกเปิดออกมาสัมผัสอากาศ เพื่อป้องกันปฏิกิริยาออกซิเดชันที่ทำให้คุณภาพเสื่อมลง
- หลังจากเปิดถุงกาแฟแล้ว ควรรีบนำไปบดและชงโดยเร็ว ไม่ควรปล่อยให้เมล็ดกาแฟสัมผัสอากาศนานเกินไป
- ถ้าบดกาแฟไว้แล้ว พยายามบริโภคให้หมดภายใน 3 วัน เพราะหากเกินกว่านั้นรสชาติและกลิ่นจะค่อยๆเสื่อมลง
- ควรใช้เครื่องบดกาแฟในการบดเมล็ดก่อนชง เพื่อให้ได้รสชาติและกลิ่นหอมสดใหม่ที่สุด
การเช็คเมล็ดกาแฟว่ามีคุณภาพ ต้องดูอะไรบ้าง
- ชนิดของเมล็ดกาแฟ: เช่น อาราบิกา และโรบัสตา ซึ่งอาราบิกาจะมีรสชาติที่ละเอียดอ่อนและกลิ่นหอมมากกว่า
- แหล่งที่ปลูก: แหล่งปลูกที่มีสภาพดิน อากาศ และความสูงที่เหมาะสมจะส่งผลให้เมล็ดกาแฟมีคุณภาพดี เมล็ดจากประเทศกำลังพัฒนาบางแห่งมักได้รับการดูแลอย่างดี
- วิธีการคั่ว: กระบวนการคั่วมีผลต่อรสชาติของกาแฟมาก การคั่วที่อุณหภูมิและเวลาที่เหมาะสม จะช่วยเสริมกลิ่นและรสชาติที่ดี
- ระดับความคั่ว: เลือกระดับความคั่วตามความชอบของคุณ ตั้งแต่ไลท์เพื่อรสชาติค่อนข้างเปรี้ยวจนถึงดาร์กเพื่อรสชาติขมเข้ม
- วันที่คั่ว: เมล็ดกาแฟใหม่คั่วจะมีกลิ่นและรสชาติดีที่สุด จึงควรหลีกเลี่ยงเมล็ดที่คั่วนานแล้ว
- มาตรฐาน/ใบรับรอง: เช่น Fair Trade, USDA Organic ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันมาตรฐาน
2. ความละเอียดของเมล็ดกาแฟ
การเลือกเมล็ดกาแฟที่มีความละเอียดเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการชงกาแฟให้ได้รสชาติที่ดี โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้เมล็ดกาแฟที่บดละเอียดมากกว่าบดหยาบ เนื่องจากจะทำให้ได้น้ำกาแฟที่มีรสชาติเข้มข้นและดีกว่า อย่างไรก็ตาม ความละเอียดที่เหมาะสมจะแตกต่างกันไปตามวิธีการชงที่ใช้ ดังนี้
- กาแฟดริป : ใช้เมล็ดกาแฟบดละเอียดปานกลาง ไม่ควรบดละเอียดเกินไปเพราะจะทำให้น้ำกาแฟไหลช้ามาก แต่ก็ไม่ควรหยาบจนเกินไปเพราะจะได้รสชาติจางเกินไป
- เอสเพรสโซ: ใช้เมล็ดกาแฟบดละเอียดมาก เนื้อละเอียดเหมือนผงแป้ง เพื่อให้สามารถอัดแน่นและสกัดน้ำกาแฟได้อย่างเข้มข้น
- เฟรนช์เพรส: ใช้เมล็ดกาแฟบดหยาบกว่าวิธีอื่นๆ แต่ไม่ควรหยาบจนเกินไป เพื่อให้กากกาแฟไม่ผ่านไปยังน้ำกาแฟส่วนที่ดื่ม
- เทอร์คิชคอฟฟี่ หรือ กราวน์: ใช้เมล็ดกาแฟบดละเอียดที่สุดเหมือนผงละเอียด เนื่องจากจะชงด้วยวิธีต้มให้เดือด
ขนาดละเอียดของการบดเมล็ดกาแฟที่เหมาะสมจะทำให้สกัดกลิ่นรสกาแฟได้ดีที่สุดสำหรับวิธีการชงนั้นๆ ไม่ควรบดละเอียดหรือหยาบจนเกินไป เพื่อคุณภาพและรสชาติกาแฟที่ดีเยี่ยม
3. อุณหภูมิของน้ำในการชงกาแฟ
อุณหภูมิของน้ำมีบทบาทสำคัญต่อการชงกาแฟที่มีรสชาติดีเยี่ยม โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้น้ำร้อนที่มีอุณหภูมิระหว่าง 90-96 องศาเซลเซียส ซึ่งจะช่วยสกัดสารต่างๆ ออกจากเมล็ดกาแฟได้อย่างเหมาะสม ดังนี้
- ต่ำกว่า 90 องศา: จะสกัดรสชาติกาแฟได้ไม่เต็มที่ ทำให้รสชาติจืดชืด และขาดกลิ่นหอม
- 90-96 องศา (195-205 F): ช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุด จะทำให้สกัดรสชาติกาแฟได้อย่างสมบูรณ์ มีกลิ่นหอม รสเปรี้ยว และความขมพอดี
- 96-100 องศา: รสชาติจะเริ่มมีความขมมากเกินไป เนื่องจากสารประกอบบางอย่างถูกสกัดออกมามากเกินไป
- สูงกว่า 100 องศา: น้ำจะเดือดและไม่ควรใช้ เพราะจะทำให้กาแฟมีรสขมเข้มมากเกินไป และกลิ่นรสถูกทำลายไป
นอกจากนี้ สำหรับวิธีการชงแบบกดกรอง อุณหภูมิของน้ำก็มีความสำคัญ โดยหากใช้อุณหภูมิสูงกว่า 96 องศา อาจทำให้รสชาติเป็นขมและขมเกินไป ดังนั้น การใช้อุณหภูมิน้ำร้อนที่เหมาะสมสำหรับการชงกาแฟจะทำให้ได้รสชาติกาแฟที่ดีที่สุด โดยไม่ขมหรือจางเกินไป
4. ระยะเวลาในการชงกาแฟ
ระยะเวลาในการชงกาแฟมีความสำคัญมากในการได้รสชาติกาแฟที่ดีที่สุด โดยมีรายละเอียดดังนี้
- กาแฟดริป: ระยะเวลาในการชงที่เหมาะสมคือ 4-5 นาที หากชงนานเกินไปจะได้รสชาติขมเกินไป ส่วนถ้าชงน้อยเกินไปจะได้รสชาติจืดไม่เข้มข้น
- เอสเพรสโซ: ระยะเวลาชงจะสั้นมาก ประมาณ 25-30 วินาทีเท่านั้น เพื่อสกัดน้ำกาแฟความเข้มข้นสูงพอเหมาะ
- เฟรนช์เพรส: ระยะเวลาการชงทั่วไปคือ 4 นาที โดยแช่น้ำร้อนกับเมล็ดกาแฟบด จากนั้นค่อยๆ กดกากลงไป
- เทอร์คิชคอฟฟี่: การชงจะใช้เวลานานถึง 8-10 นาที โดยต้มน้ำกับเมล็ดกาแฟเคี่ยวช้าๆเพื่อให้สกัดได้ความเข้มข้น
- กาแฟสกัดเย็น: เป็นการชงกาแฟแบบน้ำเย็นจึงต้องใช้เวลานาน ตั้งแต่ 16-24 ชั่วโมง เพื่อให้กาแฟถูกสกัดอย่างสมบูรณ์
โดยทั่วไป การชงกาแฟให้นานเกินไปจะทำให้ได้รสชาติที่ขมหรือฝาดมากเกินไป แต่ถ้าชงน้อยเกินก็จะได้รสชาติกาแฟจืดเกินไป ดังนั้นการคำนวณระยะเวลาตามวิธีการชงจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
5. สัดส่วนของน้ำในการชงกาแฟ
สัดส่วนของน้ำต่อเมล็ดกาแฟมีความสำคัญมากในการชงกาแฟ เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้สัดส่วนดังนี้
1. สำหรับการชงแบบรายบุคคล (1-2 แก้ว)
- อัตราส่วน 1:15 ถึง 1:17 เป็นอัตราส่วนมาตรฐาน
- ตัวอย่างเช่น ใช้เมล็ดกาแฟ 15 กรัม ต่อน้ำ 225-255 มล.
2. สำหรับการชงแบบหลายแก้วหรือในครัวเรือน
- อัตราส่วน 1:16 ถึง 1:18 เป็นอัตราส่วนทั่วไป
- ตัวอย่างเช่น ใช้เมล็ดกาแฟ 60 กรัม ต่อน้ำ 960-1,080 มล.
3. สำหรับกาแฟเอสเพรสโซ
- อัตราส่วนประมาณ 1:2
- ใช้เมล็ดกาแฟ 7-8 กรัม ต่อน้ำหนัก 14-16 กรัม
หากใช้น้ำมากเกินไป จะทำให้กาแฟมีรสจางเกินไป ขาดกลิ่นและรสชาติ แต่หากใช้น้ำน้อยเกินไป จะได้กาแฟที่มีรสชาติเข้มข้นและขมเกินไป นอกจากอัตราส่วนแล้ว การชั่งน้ำหนักเมล็ดกาแฟให้แม่นยำก็มีความสำคัญมาก เพื่อให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสมทุกครั้ง สิ่งเหล่านี้จะทำให้การชงกาแฟมีรสชาติอร่อยตามที่ต้องการอย่างสม่ำเสมอ
วิธีชงกาแฟให้อร่อยกับ 5 สูตรเด็ดกาแฟยอดนิยม
1. สูตรการชงอเมริกาโน่เย็น
ส่วนผสมของอเมริกาโนเย็น
- เอสเพรสโซช็อตร้อนประมาณ 60 มล. (ชงจากเมล็ดกาแฟ 14-18 กรัม)
- น้ำเย็น/น้ำแข็ง ประมาณ 120-180 มล.
- โซดาน้ำแร่เย็น (ถ้าต้องการ)
วิธีชงกาแฟอเมริกาโนเย็น
1. ชงเอสเพรสโซช็อตร้อน 1-2 ช็อต ลงในแก้วที่ใส่น้ำแข็งไว้แล้ว
2. เติมน้ำเย็นหรือน้ำแร่เย็นลงไปตามปริมาณที่ต้องการ โดยใช้สัดส่วนประมาณ 1 ส่วนกาแฟต่อ 2-3 ส่วนน้ำ
3. คนให้เข้ากัน รสชาติจะเป็นกาแฟเข้มข้น หอมกรุ่น มีรสหวานเล็กน้อยจากกาแฟคั่วเข้ม
สิ่งสำคัญคือการใช้กาแฟเข้มข้น อย่างเอสเพรสโซร้อน เพื่อให้ได้รสชาติกาแฟเข้มข้นแม้เจือจางด้วยน้ำและน้ำแข็ง โดยสัดส่วนน้ำสามารถปรับได้ตามความชอบของแต่ละคน หากใช้น้ำมากจะได้รสชาติกาแฟอ่อนลง แต่จะเย็นและดื่มได้สะดวกขึ้น
การใช้น้ำแร่เย็นแทนน้ำเปล่าจะช่วยเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมของกาแฟได้ด้วย เนื่องจากความเป็นกรดเล็กน้อยและแร่ธาตุในน้ำแร่จะทำปฏิกิริยากับกรดในกาแฟ ทำให้รสชาติกลมกล่อมขึ้น
โดยรวมแล้ว Iced Americano เป็นเครื่องดื่มกาแฟที่เข้มข้น หอมกรุ่น สดชื่น เหมาะสำหรับดื่มในช่วงวันร้อนๆ
2. สูตรการชงกาแฟดริป
ส่วนผสมของกาแฟดริป
- เมล็ดกาแฟคั่วบดสด ประมาณ 60 กรัม (สำหรับกาแฟ 4-6 แก้ว)
- น้ำสะอาด ประมาณ 600-900 มล.
- เครื่องชงกาแฟแบบดริปหรือดริปเปอร์ และกระดาษกรองกาแฟ
วิธีชงกาแฟดริป
1. ชั่งเมล็ดกาแฟบดให้ได้สัดส่วนที่ต้องการ ประมาณ 1 ส่วนกาแฟต่อ 16-18 ส่วนน้ำ
2. วางกระดาษกรองลงในดริปเปอร์และเทเมล็ดกาแฟบดลงไป
3. ตั้งอุณหภูมิน้ำร้อนที่ประมาณ 90-96 องศาเซลเซียส
4. เริ่มเทน้ำร้อนลงบนเมล็ดกาแฟบด โดยให้น้ำกระจายทั่วพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ
5. รอให้น้ำกาแฟค่อยๆ ไหลลงมาในเหยือกรองรับ
6. เมื่อน้ำกาแฟไหลออกหมดแล้ว ให้คนเบาๆ เพื่อให้กาแฟชั้นบนและชั้นล่างเข้ากัน
7. รินกาแฟใส่แก้ว พร้อมเสิร์ฟ หากต้องการเติมรสหวานให้ใส่น้ำตาลหรือไซรัปลงไป
จุดสำคัญคือการใช้เมล็ดกาแฟคุณภาพดี บดสด ใช้อุณหภูมิน้ำที่เหมาะสม และสัดส่วนกาแฟต่อน้ำที่พอดี จะทำให้ได้กาแฟดริปที่หอมกรุ่น มีรสชาติดี ไม่จางหรือเข้มจนเกินไป การชงกาแฟดริปที่ดีจะให้น้ำกาแฟมีรสเปรี้ยว มีกลิ่นหอมของกาแฟ ขมพอประมาณ มีรสนุ่มนวล สามารถปรับแต่งได้ตามความชอบ ตามไปอ่านวิธีดริปกาแฟแบบละเอียดยิบกับพันธุ์ไทยต่อได้เลย!
3. สูตรการชงกาแฟมัคคิอาโต้
ส่วนผสมของกาแฟมัคคิอาโต้
- เอสเพรสโซช็อต 1-2 ช็อต (ประมาณ 30-60 มล.)
- นมสดอุณหภูมิห้อง 90-180 มล.
- น้ำตาลทรายหรือไซรัปตามชอบ (เช่น คาราเมล, วานิลลา)
วิธีชงกาแฟมัคคิอาโต้
1. ชงเอสเพรสโซช็อตร้อนลงในถ้วยหรือแก้วที่ทนความร้อนได้
2. ใช้เครื่องสตีมนมหรือเครื่องฟองนม ฟองนมสดให้มีฟองนมหนานุ่ม
3. เทนมที่ฟองนุ่มแล้วลงในถ้วยเอสเพรสโซ โดยให้ชั้นฟองนมอยู่ด้านบน
4. หากต้องการ สามารถเสริมรสด้วยการเติมน้ำตาลทราย ไซรัปคาราเมล หรือวานิลลาเซอร์ทามประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ
5. ตกแต่งด้วยการโรยผงกาแฟหรือผงโกโก้ด้านบน
สิ่งสำคัญคือการฟองนมให้เนื้อละเอียดนุ่ม มีเนื้อสัมผัสครีมมี่ ผสานกับความเข้มข้นหอมกรุ่นของเอสเพรสโซ จึงจะได้รสชาติมัคคิอาโตที่กลมกล่อม อร่อยในรสนิยมสากล อาจมีการปรับเพิ่มวัตถุดิบบางอย่างเช่น ไซรัป วิปปิ้งครีม พุดดิ้งคาราเมล เพื่อเพิ่มกลิ่นรส และความหวานตามต้องการ แต่หลักสำคัญคือการผสมผสานระหว่างนมกับเอสเพรสโซช็อตเข้มข้นนั่นเอง
4. สูตรการชงคาปูชิโน
ส่วนผสมของคาปูชิโน
- เอสเพรสโซช็อต 1-2 ช็อต (30-60 มล.)
- นมสดอุณหภูมิห้อง 50-100 มล.
- น้ำตาลทรายหรือไซรัปตามชอบ (ประมาณ 1-2 ช้อนชา)
- ผงโกโก้เพื่อโรยหน้า
วิธีชงกาแฟคาปูชิโน
1. ชงเอสเพรสโซช็อตร้อนลงในแก้วหรือถ้วยคาปูชิโน
2. ใช้หัวฟองนมหรือเครื่องฟองนม ฟองนมสดให้ได้ฟองนมแน่นเนื้อเนียนละเอียด แต่ไม่จำเป็นต้องมากเท่ากับการฟองนมสำหรับลาเต้
3. เทนมและฟองนมที่ฟองแล้วลงในถ้วยคาปูชิโนให้เต็ม โดยปริมาณฟองนมมากกว่าลาเต้
4. โรยผงโกโก้หนาๆด้านบนเพื่อเพิ่มกลิ่นและรสชาติ
5. หากต้องการสามารถเติมน้ำตาลหรือไซรัปได้ตามชอบ
จุดสำคัญของคาปูชิโนคือมีปริมาณฟองนมมากกว่าลาเต้ แต่น้อยกว่ากาแฟพิคโคโล่ เนื้อฟองนมละเอียดและหนาแน่นพอประมาณ เพิ่มความหนาเนื้อให้เครื่องดื่ม โดยผงโกโก้จะเพิ่มรสขมช็อคโกแลตที่เป็นเอกลักษณ์ รสชาติโดยรวมจะเป็นกาแฟเข้มข้นจากเอสเพรสโซผสมนม มีรสหวานจากนมและฟองนม พร้อมกลิ่นหอมของผงโกโก้ด้านบน ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนชอบกาแฟรสเข้มข้นแต่ไม่อยากแรงเกินไปจากกาแฟดำ
5. สูตรการชงมอคค่า
ส่วนผสมของมอคค่า
- เอสเพรสโซช็อต 1-2 ช็อต (30-60 มล.)
- ผงโกโก้/ช็อกโกแลตผง 2-3 ช้อนชา
- นมสด 60-120 มล.
- วิปปิ้งครีม/ชานติลลี่ (เป็นฟองนมสำเร็จรูป)
- ช็อกโกแลตชิพหรือผงโกโก้เพิ่มเติมสำหรับโรยหน้า
วิธีชงกาแฟมอคค่า
1. ชงเอสเพรสโซช็อตร้อนลงในแก้วมอคค่า
2. ใส่ผงโกโก้หรือช็อกโกแลตผงลงในแก้ว คนให้เข้ากับเอสเพรสโซจนละลายเข้ากัน
3. ฟองนมสดด้วยหัวฟองนมหรือเครื่องฟองนม จนได้ฟองนมเนื้อแน่น แต่ไม่ต้องฟองมากจนเกินไป
4. เทนมและฟองนมลงในแก้วที่มีส่วนผสมเอสเพรสโซ-ช็อกโกแลตแล้ว
5. ตกแต่งด้วยวิปปิ้งครีมหรือชานติลลี่โรยหน้า พร้อมโรยช็อกโกแลตชิพหรือผงโกโก้อีกชั้นหนึ่ง
จุดเด่นของมอคค่าคือความหวานมันจากช็อกโกแลต ผสมผสานกับรสกาแฟเข้มข้นหอมกรุ่นจากเอสเพรสโซ ให้รสชาติครบรสทั้งหวาน ขม และมีกลิ่นหอมจากนม ช็อกโกแลตภายในจะละลายเข้ากับเอสเพรสโซ ขณะที่ฟองนมและวิปปิ้งครีมเพิ่มความนุ่มนวล ส่วนช็อกโกแลตชิพโรยหน้าเพิ่มกลิ่นหอมและความกรอบ รสชาติโดยรวมจึงอุดมด้วยรสช็อกโกแลตเข้มข้น มอคค่าจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคนรักรสหวานมันของช็อกโกแลต ผสมกับกลิ่นกาแฟหอมกรุ่น สามารถปรับปริมาณผงโกโก้และฟองนมได้ตามความชอบ
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 สูตร วิธีชงกาแฟให้อร่อยง่ายๆ ที่บ้าน หากเราไม่อยากออกจากบ้าน เพียงแค่ซื้อเมล็ดกาแฟดี มีคุณภาพ อย่างเมล็ดกาแฟพันธุ์ไทย แล้วหาเครื่องชงกาแฟดีๆ ที่บ้านไว้สักเครื่อง แล้วลองทำตามสูตรชงกาแฟร้อน สูตรชงกาแฟเย็น รับรองว่าอร่อยติดใจ เหมือนมีบาริสต้ามาชงให้เองกับมือ อ่านบทความดีๆ เกี่ยวกับกาแฟได้ที่บล็อกพันธุ์ไทย หรือ สำหรับใครที่ไม่ว่างชงกาแฟเอง พันธุ์ไทยนำเสนอเมนูกาแฟมากมาย รสชาติกาแฟของเราเข้มเต็มรสกาแฟแน่นอน เพราะเราใช้เมล็ดกาแฟชั้นดี คอกาแฟห้ามพลาด!
อ้างอิง:
- 15 สูตรชงกาแฟสดให้อร่อย เมนูยอดนิยมที่ทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน | Nespresso