เคยได้ยินคำว่า Coffee Belt กันไหมครับ?
03 มี.ค. 68

เคยได้ยินคำว่า Coffee Belt กันไหมครับ? แล้วรู้ไหมครับว่าคืออะไร มาหาคำตอบกับพี่ไทกัน
Coffee Belt คือ เขตปลูกกาแฟที่ครอบคลุม 70 ประเทศทั่วโลก โดยตำแหน่งของประเทศทั้งหมดตั้งอยู่ระหว่างเส้นละติจูด 23.5 องศาเหนือและใต้ โดยพื้นที่ Coffee Belt นี้มีปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้กลายเป็นพื้นที่ปลูกกาแฟที่ดีที่สุดในโลก ดังนี้

• ดินภูเขาไฟ: พื้นที่ Coffee Belt หลายแห่ง เช่น เอธิโอเปีย อินโดนีเซีย และคอสตาริกา มีดินภูเขาไฟที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ เช่น โพแทสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียม ซึ่งช่วยให้ผลกาแฟเจริญเติบโตสมบูรณ์และมีรสชาติซับซ้อน
• ความเป็นกรด-ด่าง (pH): ดินใน Coffee Belt มักมีค่า pH ระหว่าง 6-6.5 ซึ่งเหมาะสมกับการปลูกกาแฟ โดยช่วยให้พืชดูดซับธาตุอาหารได้ดี ต่างจากดินในเขตอบอุ่นหรือเขตหนาวที่อาจมีค่า pH สูงหรือต่ำเกินไป
• การระบายน้ำ: ดินใน Coffee Belt มักมีการระบายน้ำที่ดีและไม่อุ้มน้ำมากเกินไป ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันเชื้อราและโรคในต้นกาแฟ
• เปรียบเทียบกับดินที่อื่น: ดินในเขตอบอุ่นหรือเขตหนาวมักมีแร่ธาตุน้อยกว่า มีค่า pH ที่ไม่เหมาะสม หรือมีโครงสร้างดินที่แน่นและระบายน้ำไม่ดี ทำให้ต้นกาแฟเจริญเติบโตได้ไม่ดีเท่าที่ควร

• ต้นกาแฟต้องการอุณหภูมิระหว่าง 18-24°C หากอากาศเย็นเกินไป ต้นกาแฟจะไม่สามารถออกผลหรือเจริญเติบโตได้ดี
• Coffee Belt มีสภาพอากาศร้อนชื้น อุณหภูมิคงที่ตลอดปี และไม่มีน้ำค้างแข็ง ซึ่งเป็นสภาวะที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปลูกกาแฟ
• ข้อยกเว้น: มีการทดลองปลูกกาแฟในเรือนกระจกในบางประเทศนอกเขต Coffee Belt เช่น ญี่ปุ่น และบางรัฐในอเมริกา แต่ต้นทุนสูงและไม่สามารถผลิตได้ในเชิงพาณิชย์

• พื้นที่ Coffee Belt ได้รับน้ำฝนระหว่าง 1,500-2,500 มม. ต่อปี ซึ่งเป็นปริมาณที่พอดีกับความต้องการของต้นกาแฟ โดยฤดูฝนจะช่วยในการเจริญเติบโต และฤดูแล้งช่วยให้ผลกาแฟสุกอย่างสม่ำเสมอ

• Coffee Belt มีพื้นที่สูงตั้งแต่ 600-2,000 เมตร ซึ่งช่วยให้ต้นกาแฟสะสมน้ำตาลและกรดได้มากขึ้น ทำให้ได้รสชาติที่ซับซ้อนและหอมมากขึ้น

• อเมริกา (เช่น บราซิล โคลอมเบีย):
• ดิน: ดินร่วนปนทราย มีแร่ธาตุพอเหมาะ ทำให้กาแฟมีรสชาตินุ่มนวล สมดุล และหวานละมุน
• ความสูง: ปลูกในระดับ 800-1,800 เมตร รสชาติเปรี้ยวสดชื่นเล็กน้อย แต่ไม่จัดจ้าน
• แอฟริกา (เช่น เอธิโอเปีย เคนยา):
• ดิน: ดินภูเขาไฟอุดมสมบูรณ์มาก มีแร่ธาตุสูง ทำให้กาแฟมีกลิ่นหอมดอกไม้และผลไม้ชัดเจน
• ความสูง: ปลูกในระดับ 1,500-2,200 เมตร ทำให้มีความเป็นกรดสูง รสชาติซับซ้อนและเปรี้ยวสดใส
• เอเชีย-แปซิฟิก (เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม):
• ดิน: ดินภูเขาไฟผสมดินร่วนเหนียว ทำให้ได้กาแฟที่มีบอดี้หนักแน่น รสชาติเข้มข้น และกลิ่นสมุนไพร
• ความสูง: ปลูกในระดับ 600-1,500 เมตร ทำให้มีบอดี้หนัก แต่ความเป็นกรดน้อยกว่าโซนอื่น

• พื้นที่ปลูก: ภาคเหนือของไทย เช่น เชียงราย เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน ระดับความสูง 800-1,500 เมตร ซึ่งเหมาะสมสำหรับสายพันธุ์อาราบิก้า
• สภาพอากาศ: มีอากาศเย็นในฤดูหนาวและมีฤดูฝนที่สม่ำเสมอ ทำให้ผลกาแฟสุกช้าและสะสมน้ำตาลได้มากขึ้น
• ดิน: ดินในภาคเหนือเป็นดินภูเขา มีแร่ธาตุสูง โดยเฉพาะในพื้นที่ดอยที่มีดินภูเขาไฟเก่า ส่งผลให้กาแฟมีรสชาติเข้มข้นและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
• รสชาติที่โดดเด่น: กาแฟไทยจากภาคเหนือมักมีรสชาติหวานละมุน กลิ่นผลไม้ และความเป็นกรดที่สมดุล
• ความท้าทาย: การแข่งขันด้านคุณภาพและมาตรฐานกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว และเวียดนาม แต่ไทยมีจุดเด่นที่รสชาติซับซ้อนและความใส่ใจในกระบวนการผลิต